10 สุนัขสายพันธุ์เล็ก มาดูกันว่ามีสายพันธุ์ไหนบ้างที่คนนิยมเลี้ยง แล้วสายพันธุ์ไหนที่เหมาะกับเรา พร้อมวิธีการดูแลสุนัขพันธุ์เล็กแต่ละสายพันธุ์
สำหรับใครที่อยากจะเลี้ยงน้องหมาน่ารัก ๆ ไว้สักตัว แต่ทว่าเนื้อที่ภายในบ้านนั้นมีจำกัด หรือไม่ก็มีเรื่องของปัจจัยต่าง ๆ นานาที่ไม่สะดวกจะเลี้ยงสุนัขตัวโต ๆ เหล่าบรรดาสุนัขสายพันธุ์เล็กทั้งหลาย จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
1. ชิสุ
อาจเป็นเพราะภาพลักษณ์หมาน้อยตากลมโต ผูกโบที่หน้าผาก มีขนยาวสวย ดูสง่างาม ขนาดพอเหมาะ พาไปไหนมาไหนได้ไม่ลำบาก แถมยังนิสัยเป็นมิตร ขี้เล่น และช่างประจบ เลยทำให้มีผู้คนจำนวนไม่น้อยหลงใหลได้ปลื้มเจ้าสุนัขพันธุ์ "ชิสุ" และเลี้ยงเป็นสมาชิกสี่ขาประจำครอบครัวกันอย่างแพร่หลาย แต่รู้ไหมว่าประวัติความเป็นมาของ สุนัข ชิสุ น่ะ เป็น ถึง 1 ใน 3 สุนัขชั้นสูงจากจักรพรรดิจีนเชียวนะ
ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์ชิสุ
ชิสุ เป็นสุนัขขนาดเล็กในกลุ่มทอย (Toy Group) มีน้ำหนักประมาณ 4.5-7.5 กิโลกรัม (หรือราว 10-16 ปอนด์) ส่วนสูงประมาณ 25-27 ซม. (หรือราว 10-11 นิ้ว)
ทั้งนี้ ชิสุ มีลักษณะนิสัยกล้าหาญ มีความตื่นตัว ขี้ประจบ มีความสง่าอยู่ในตัว เดินหน้าเชิด การย่างก้าวสง่าผ่าเผย นอกจากนี้ ชิสุ ยังรักความสะอาด เป็นมิตรกับทุกคน ปรับตัวได้ดี และชอบที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ กับเจ้าของในทุกเรื่อง แล้วก็ไม่ชอบถูกทิ้งไว้ในบ้าน ชิสุชอบวิ่งและรักความสนุก ซึ่งเจ้าของจำเป็นจะต้องพามันออกไปวิ่งออกกำลังกายบ้าง
การเลี้ยงดูสุนัขพันธุ์ชิสุ
ชิสุมีอายุค่อนข้างยืนยาว คือประมาณ 10-18 ปี ตามแต่ปัจจัยต่าง ๆ เช่น อาหาร และการเลี้ยงดู โรคที่มักเกิดขึ้นกับชิสุ คือ โรคตาแห้ง โรคหูน้ำหนวก หูอักเสบ โดยเจ้าของควรหมั่นทำความสะอาดตาและหูของชิสุอย่างสม่ำเสมอด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดของมันโดยเฉพาะ ส่วนโรคอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับชิสุ เช่น โรคนิ่ว โรคไต และไส้เลื่อน
นอกจากนี้ ขนเป็นส่วนประกอบสำคัญที่เป็นตัวชี้วัดความสวยงามของชิสุ โดยเฉพาะ ชิสุเป็นสุนัขขนยาวที่จะต้องดูแลมากเป็นพิเศษ เนื่องจากมีขนเส้นเล็กและพันกันได้ง่าย หากไม่รู้จักวิธีการรักษาขนให้ดี ขนของชิสุจะพันกันและมีโอกาสเป็นโรคผิวหนังได้ง่าย ๆ ทั้งนี้ การแปรงขนอย่างสม่ำเสมอทุกวันจะช่วยให้ผิวหนังและขนสะอาดเป็นเงางาม เพราะมีการนวดให้ต่อมน้ำมันที่โคนขนขับน้ำมันออกมาเคลือบเส้นขนได้มากขึ้น ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพสมบูรณ์ และยังเป็นการช่วยขจัดรังแคและสิ่งสกปรกอื่น ๆ ออกจากผิวหนังของชิสุด้วย
อาหารที่เหมาะกับเจ้าชิสุสุดสวย ควรเป็นอาหารเม็ดมากกว่าอาหารกระป๋อง เพราะสุนัขมีขนยาว หากให้กินอาหารกระป๋องจะทำให้เลอะหนวดเครา เหม็นคาว ทำให้ต้องทำความสะอาดกันทุกครั้งไป และหากล้างออกไม่หมดก็จะกลายเป็นที่สะสมของเชื้อโรค อีกทั้งถ้าให้อาหารกระป๋องต้องใช้ให้หมดในคราวเดียว ไม่เช่นนั้นจะเสี่ยงต่อสุขภาพของชิสุของคุณได้ ดังนั้น ทางเลือกที่เหมาะที่สุดเห็นจะเป็นอาหารเม็ด ทั้งนี้ การเลือกซื้อควรเลือกประเภทสำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก โดยเลือกดูให้เหมาะกับช่วงวัยของชิสุด้วย เช่น ถ้าเป็นอาหารลูกสุนัขข้างถุงจะพิมพ์ไว้ว่า Puppy มีโปรตีนมากกว่า เม็ดจะเล็กกว่า และจะแพงกว่าอาหารสุนัขโตนิดหน่อย
อ่านบทความสุนัขพันธฺุ์ชิสุ ได้ที่นี่
อาจเป็นเพราะภาพลักษณ์หมาน้อยตากลมโต ผูกโบที่หน้าผาก มีขนยาวสวย ดูสง่างาม ขนาดพอเหมาะ พาไปไหนมาไหนได้ไม่ลำบาก แถมยังนิสัยเป็นมิตร ขี้เล่น และช่างประจบ เลยทำให้มีผู้คนจำนวนไม่น้อยหลงใหลได้ปลื้มเจ้าสุนัขพันธุ์ "ชิสุ" และเลี้ยงเป็นสมาชิกสี่ขาประจำครอบครัวกันอย่างแพร่หลาย แต่รู้ไหมว่าประวัติความเป็นมาของ สุนัข ชิสุ น่ะ เป็น ถึง 1 ใน 3 สุนัขชั้นสูงจากจักรพรรดิจีนเชียวนะ
ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์ชิสุ
ชิสุ เป็นสุนัขขนาดเล็กในกลุ่มทอย (Toy Group) มีน้ำหนักประมาณ 4.5-7.5 กิโลกรัม (หรือราว 10-16 ปอนด์) ส่วนสูงประมาณ 25-27 ซม. (หรือราว 10-11 นิ้ว)
ทั้งนี้ ชิสุ มีลักษณะนิสัยกล้าหาญ มีความตื่นตัว ขี้ประจบ มีความสง่าอยู่ในตัว เดินหน้าเชิด การย่างก้าวสง่าผ่าเผย นอกจากนี้ ชิสุ ยังรักความสะอาด เป็นมิตรกับทุกคน ปรับตัวได้ดี และชอบที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ กับเจ้าของในทุกเรื่อง แล้วก็ไม่ชอบถูกทิ้งไว้ในบ้าน ชิสุชอบวิ่งและรักความสนุก ซึ่งเจ้าของจำเป็นจะต้องพามันออกไปวิ่งออกกำลังกายบ้าง
การเลี้ยงดูสุนัขพันธุ์ชิสุ
ชิสุมีอายุค่อนข้างยืนยาว คือประมาณ 10-18 ปี ตามแต่ปัจจัยต่าง ๆ เช่น อาหาร และการเลี้ยงดู โรคที่มักเกิดขึ้นกับชิสุ คือ โรคตาแห้ง โรคหูน้ำหนวก หูอักเสบ โดยเจ้าของควรหมั่นทำความสะอาดตาและหูของชิสุอย่างสม่ำเสมอด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดของมันโดยเฉพาะ ส่วนโรคอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับชิสุ เช่น โรคนิ่ว โรคไต และไส้เลื่อน
นอกจากนี้ ขนเป็นส่วนประกอบสำคัญที่เป็นตัวชี้วัดความสวยงามของชิสุ โดยเฉพาะ ชิสุเป็นสุนัขขนยาวที่จะต้องดูแลมากเป็นพิเศษ เนื่องจากมีขนเส้นเล็กและพันกันได้ง่าย หากไม่รู้จักวิธีการรักษาขนให้ดี ขนของชิสุจะพันกันและมีโอกาสเป็นโรคผิวหนังได้ง่าย ๆ ทั้งนี้ การแปรงขนอย่างสม่ำเสมอทุกวันจะช่วยให้ผิวหนังและขนสะอาดเป็นเงางาม เพราะมีการนวดให้ต่อมน้ำมันที่โคนขนขับน้ำมันออกมาเคลือบเส้นขนได้มากขึ้น ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพสมบูรณ์ และยังเป็นการช่วยขจัดรังแคและสิ่งสกปรกอื่น ๆ ออกจากผิวหนังของชิสุด้วย
อาหารที่เหมาะกับเจ้าชิสุสุดสวย ควรเป็นอาหารเม็ดมากกว่าอาหารกระป๋อง เพราะสุนัขมีขนยาว หากให้กินอาหารกระป๋องจะทำให้เลอะหนวดเครา เหม็นคาว ทำให้ต้องทำความสะอาดกันทุกครั้งไป และหากล้างออกไม่หมดก็จะกลายเป็นที่สะสมของเชื้อโรค อีกทั้งถ้าให้อาหารกระป๋องต้องใช้ให้หมดในคราวเดียว ไม่เช่นนั้นจะเสี่ยงต่อสุขภาพของชิสุของคุณได้ ดังนั้น ทางเลือกที่เหมาะที่สุดเห็นจะเป็นอาหารเม็ด ทั้งนี้ การเลือกซื้อควรเลือกประเภทสำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก โดยเลือกดูให้เหมาะกับช่วงวัยของชิสุด้วย เช่น ถ้าเป็นอาหารลูกสุนัขข้างถุงจะพิมพ์ไว้ว่า Puppy มีโปรตีนมากกว่า เม็ดจะเล็กกว่า และจะแพงกว่าอาหารสุนัขโตนิดหน่อย
อ่านบทความสุนัขพันธฺุ์ชิสุ ได้ที่นี่
หากพูดถึงสุนัขตัวเล็ก ๆ ขนฟู ๆ หางเป็นพวง จมูกแหลม ๆ ตาแป๋วเป็นประกาย แน่นอนว่าสุนัขที่ว่านี้คือพันธุ์ ปอมเมอเรเนียน ที่ไม่ว่าใครเห็นเป็นต้องขอจับ ขอสัมผัส ความน่ารักกันใกล้ ๆ แต่ที่เห็นน่ารัก ดูบอบบางเหมือนคุณหนูแบบนี้ แท้จริงแล้ว ปอมเมอเรเนียนมีต้นตระกูลมาจากสุนัขลากเลื่อนของประเทศไอซ์แลนด์และเลปแลนด์ บริเวณตอนเหนือของทวีปยุโรปโน่นแน่ะ
ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียน
ปอมเมอเรเนียน เป็นสุนัขที่มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 1.7-2.5 กิโลกรัม ถ้าน้ำหนักน้อยหรือมากกว่านี้ จะถือว่าไม่ได้มาตรฐานสายพันธุ์ เป็นสุนัขที่ว่องไวปราดเปรียว มีขนชั้นในที่แน่นและนุ่ม และมีขนชั้นนอกที่หยาบกว่าชั้นใน หางสวยงามเป็นพวงขน และตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สูง หางจะขนานไปกับหลัง โดยลักษณะนิสัยพื้นฐานของปอมเมอเรเนียนนี้ คือ จะตื่นตัวเสมอ เห่าเก่ง มีนิสัยอยากรู้อยากเห็น อวดดี สง่างาม และขณะก้าวย่างแสดงถึงความมีชีวิตชีวา เป็นพันธุ์สมบูรณ์ทั้งรูปร่างและการเคลื่อนไหว
การเลี้ยงดูสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียน
การดูแลขนของปอมเมอเรเนียนต้องได้รับการแปรงขนทุกวันหรืออาทิตย์ละสองครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อที่จะให้ขนที่หนาและสวยไม่พันกัน ขนของปอมเมอเรเนียน ต้องการการเล็มบ้างแค่ครั้งคราว ส่วนการดูแลหูและเล็บเป็นประจำเป็นสิ่งที่แนะนำรวมกับการอาบน้ำ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรอาบน้ำให้ปอมเมอเรเนียนบ่อยมากจนเกินไป เพราะการอาบน้ำบ่อยจะทำให้หนังและขนเแห้งจนเกินไป เนื่องจากน้ำมันที่จำเป็นถูกล้างออกไปหมด
นอกจากการดูแลขนแล้ว สิ่งที่สำคัญมากที่สุดสำหรับสุนัขปอมเมอเรเนียน คือการได้รับการดูแลสุขภาพปากและฟันเป็นอย่างดี เนื่องจากปอมเมอเรเนียนง่ายต่อการสูญเสียฟันอันเนื่องมาจากปัญหาฟันผุ หรือสุขภาพเหงือกไม่ดี จึงต้องหมั่นทำความสะอาดฟันให้เป็นประจำ และควรให้อาหารชนิดแห้งเพื่อลดปัญหาสุขภาพปากและฟัน
อ่านบทความสุนัขพันธฺุ์ปอมเมเรเนียน ได้ที่นี่
3. พูเดิล
สุนัขพันธุ์พูเดิลได้ชื่อว่าเป็นสุนัขที่มีความนิยมอันดับหนึ่งของโลกและขึ้นชื่อว่าฉลาด ฝึกง่าย สอนง่าย ขี้อ้อน และประจบเก่งเป็นที่สุด แถมยังอดทน ไม่ขี้แย เลี้ยงง่าย แม้จะปากเปราะไปบ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นหมาที่เห่าไม่รู้เรื่อง ยิ่งในบ้านเรา พูเดิลสายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงกันคือ พูเดิลทอย มันกลายเป็นหวานใจตัวจ้อยของหลาย ๆ ครอบครัว เพราะขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แถมยังมีลักษณะเป็นเหมือนตุ๊กตาที่มีชีวิต สดใสมีชีวิตชีวา มีนิสัยรักสวยรักงาม ชอบเสริมสวย ชอบเที่ยว และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้เร็ว
ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์พูเดิล
พูเดิล ถูกจัดอยู่กลุ่มสุนัขที่ไม่ใช้ในเกมกีฬา (Non sporting Group) เป็นสุนัขประเภทสวยงาม ปากเรียวยาว ดวงตากลมโต หูห้อยลงมาปิดแก้ม ขนดกและหยิกชนิดติดหนัง ขนสั้นและเงางาม ขนค่อนข้างละเอียด เรียบ หยาบเล็กน้อยและไม่มีขนปุกปุย สีขนมีตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนจนถึงน้ำตาลแก่ มีขนสีขาวแต้มบริเวณหน้าอกเรียกว่า สตาร์ ข้อเท้าและปลายหาง อาจจะมีจุดสีขาวเล็กน้อยบริเวณใบหน้า จมูกจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อมันตกใจ
การเลี้ยงดูสุนัขพันธุ์พูเดิล
อาหารการกินของสุนัขพูเดิล ควรให้เป็นอาหารสำเร็จรูปจะดีที่สุด อาหารสำเร็จรูปนั้นมีอยู่หลายสูตรด้วยกัน ได้แก่ อาหารสูตรลูกสุนัข อาหารสูตรสุนัขโต และอาหารสูตรสุนัขแก่ การให้อาหารก็ควรให้ตรงตามอายุและสูตร เนื่องจากสุนัขในแต่ละวัยนั้นมีความต้องการอาหารที่แตกต่างกัน อย่างเช่น ลูกสุนัข จำเป็นต้องได้รับสารอาหารจำพวกโปรตีนสูงกว่าสุนัขโต ในขณะที่ร่างกายของสุนัขโตจะต้องการอาหารประเภทพลังงานมากกว่าโปรตีน อย่างนี้เป็นต้น และปริมาณการให้อาหารก็ไม่ควรมากจนเกินไป เพราะพูเดิล จัดเป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่กินไม่มาก
นอกจากเรื่องของโภชนาการแล้ว การให้อาหารสุนัขยังควรคำนึงถึงความสะอาดเป็นสำคัญ เจ้าของต้องคอยหมั่นดูแลภาชนะใส่อาหารและสถานที่กินให้สะอาดเรียบร้อยอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคต่าง ๆ ที่พร้อมจะทำร้ายสุนัขของเรา ส่วนในด้านการดูแลความสะอาดของพูเดิลจะต้องใส่ใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องหู เพราะพูเดิลมีใบหูที่ใหญ่ หนา ห้อยปรกลงมา จึงต้องหมั่นสำรวจดูใบหูบ่อย ๆ แล้วใช้สำลีเช็ดทำความสะอาดให้หมดจด ซึ่งจะดีมากหากจะหยอดน้ำยาเช็ดหูเข้าไปก่อนประมาณ 5 นาที เพื่อทำให้สิ่งสกปรกอ่อนตัว และง่ายในการเช็ดออกมา แต่ระวังอย่าแหย่สำลีลึกจนเกินไป เพราะอาจจะเป็นอันตรายต่อหูชั้นในได้
นอกจากนี้ ตาก็เป็นอวัยวะสำคัญที่พบปัญหา พูเดิลส่วนใหญ่จะมีร่องน้ำตาที่เห็นได้ค่อนข้างชัด ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้คราบน้ำตาหรือสิ่งสกปรกไปหมักหมมได้ง่าย เจ้าของจึงควรคอยเช็ดทำความสะอาดให้ทุกวัน เพราะหากทิ้งไว้นาน ๆ คราบนั้นจะฝังแน่นอย่างถาวร เช็ดไม่ออก นอกจากนั้น ยังควรหมั่นตรวจดูดวงตาของพูเดิลด้วยว่ามีฝ้าขาว ๆ หรือรอยขีดข่วน รอยแผลบ้างหรือไม่
อ่านบทความสุนัขพันธุ์พูเดิล ได้ที่นี่
4. ปั๊ก
ในปัจจุบัน คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักสุนัขสายพันธุ์ปั๊กเป็นแน่ เนื่องด้วยกระแสความนิยมในสุนัขสายพันธุ์นี้ที่เริ่มมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะด้วยอุปนิสัยน่ารักน่าเลี้ยงก็ดี หรือจะด้วยรูปร่างหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ มองอย่างไรก็ไม่เบื่อ ชวนให้หัวเราะแล้วอารมณ์ดีทุกคราที่มองปั๊กน้อย สิ่งเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุผลที่ทำให้คนไทยหันมาเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้มากขึ้นตามลำดับ
ด้วยความร่าเริงที่ไม่เหมือนใคร หน้าตาแลดูฉงนปนทะเล้น และอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา ทำให้ปั๊กไม่เพียงแต่เป็นที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทยเท่านั้น หากแต่ยังแพร่หลายมากขึ้นทั่วโลกอีกด้วย
ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์ปั๊ก
สุนัขพันธุ์นี้เป็นที่นิยมเลี้ยงกันมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีนิสัยน่ารัก ถึงหน้าตาของมันจะดูเหมือนคิดมากไปสักหน่อย แต่ถ้าได้ลองเลี้ยงแล้วจะหลงใหลไม่รู้ตัว เพราะความอ่อนโยนของมัน ข้อควรระวังในการเลี้ยงคือสภาพอากาศที่ร้อน ปั๊กจะทนไม่ค่อยได้ ถ้าทนไม่ไหวอาจเป็นลมแดดได้ และถ้าอากาศเย็นควรให้อยู่ในที่อุ่น ๆ หรือหาเสื้อมาสวมให้เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นหวัด
การเลี้ยงดูสุนัขพันธุ์ปั๊ก
แม้สุนัขพันธุ์นี้จะไม่ต้องการการดูแลเสริมสวยให้ยุ่งยากมากนัก แต่ก็จำเป็นต้องได้รับการรักษาความสะอาดทุกวัน อีกทั้งการดูแลเอาใจใส่ในเรื่องของการออกกำลังกาย ก็เป็นสิ่งสำคัญ ถึงแม้ปั๊กจะไม่ใช่สุนัขที่รักกีฬา แต่การพาไปออกกำลังกายให้พอเพียง ก็จะช่วยให้ไม่อ้วนและกลายเป็นสุนัขที่เฉื่อยชาจนเกินไป
เนื่องจากรูปทรงของตาและใบหน้าทำให้สุนัขสายพันธุ์นี้มีแนวโน้มที่จะเกิดการบาดเจ็บที่ตาได้ง่าย ถ้าปั๊กของคุณกำลังถูตาอยู่ กะพริบตาถี่ ๆ มีน้ำตาไหลมากเกิน หรือตามีการเปลี่ยนสีไป ควรปรึกษาสัตวแพทย์ของคุณโดยทันที และการที่เป็นสุนัขจมูกสั้น จึงมักมีปัญหาเกี่ยวกับเพดานปากอ่อน จึงจำเป็นต้องตรวจสอบอยู่เสมอ
นอกจากนี้ ปั๊กยังมีความเสี่ยงที่จะอ้วนได้ง่าย ดังนั้น การควบคุมปริมาณอาหารและการออกกำลังกายจึงเป็นสิ่งจำเป็น โครงสร้างกะโหลกศีรษะที่สั้น ส่งผลให้ปั๊ก มักมีปัญหาระบบทางเดินหายใจส่วนต้น โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงหรือภายหลังการออกกำลังกายอย่างหนัก จึงควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่มากเกินไป และการเลี้ยงดูในสถานที่ที่มีอุณหภูมิสูง
อ่านบทความเรื่องสุนัขพันธุ์ปั๊กได้ที่นี่
5. ชิวาวา
จะเห็นได้ว่าเซเลบในฮอลลีวูดหลายคนชอบหิ้วเจ้ามะหมาตัวเล็กกระจิริดไว้ในกระเป๋าข้างกาย เจ้ามะหมาที่ว่านั่นจะเป็นพันธุ์ใดไม่ได้เลย หากไม่ใช่พันธุ์ชิวาวา ซึ่งจัดได้ว่าเป็นสุนัขพันธุ์ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก และในปัจจุบันสุนัขพันธุ์ชิวาวากำลังเป็นที่นิยมกันมากของเหล่าผู้ที่รักสุนัข เพราะด้วยขนาดตัวของมันและอุปนิสัยที่ขี้เล่น น่ารัก ผู้คนส่วนใหญ่จึงนิยมนำเจ้าชิวาวามาเลี้ยงนั่นเอง
ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์ชิวาวา
หลาย ๆ คนลงความเห็นว่า สุนัขชิวาวามีนิสัยที่ค่อนข้างติดเจ้าของและไม่ทำลายข้าวของ ขี้ประจบมาก อ้อน บางครั้งก็เป็นสุนัขที่หยิ่งในตัว ถ้าไม่ใช่เจ้าของจะไม่ให้จับต้อง ปากเปราะเห่าเสียงดังเหมือนสุนัขพันธุ์เล็กตัวอื่น ๆ ทำให้สุนัขชิวาวาเหมาะที่จะเลี้ยงไว้สำหรับเป็นเพื่อนมากกว่าหมาเฝ้าบ้าน แต่จากการสำรวจของเดลี่เมล พบว่า ชิวาวา สามารถสร้างความเสียหายให้เจ้าของได้เฉียด 40,000 บาท ตลอดช่วงอายุขัยของมัน เรียกได้ว่า เป็นรองแค่สุนัขพันธุ์เกรตเดนที่สร้างความเสียหายให้ทรัพย์สินและที่อยู่อาศัยของเจ้าของเฉลี่ย 41,540 บาท โดยอาจอ้างได้ว่าเป็นเพราะขนาดตัวของสุนัขพันธุ์นี้มีขนาดใหญ่
การเลี้ยงดูสุนัขพันธฺุ์ชิวาวา
สุนัขพันธุ์ชิวาวาเพศผู้อายุ 1 ปี จะเริ่มเป็นสัดซึ่งเร็วกว่าเพศเมีย เริ่มเหล่หนุ่มตอนช่วงอายุ 18 เดือน หลังจากผสมพันธุ์แล้วตกลูกเต็มที่ 1-3 ตัว น้ำหนักตั้งท้องจะมีขนาด 2 กิโลกว่า ลูกสุนัข มีน้ำหนัก 1 ขีด ไม่เกิน 2 ขีด มีขนาดเล็กมาก แรกคลอดต้องคอยดูแลให้สุนัขกินนมแม่ ซึ่งช่วงนี้ควรระวังเรื่องโรคต่าง ๆ
พออายุราวเดือนครึ่ง ควรเริ่มฝึกให้สุนัขชิวาวากินอาหารเม็ดด้วยการแช่น้ำให้นิ่ม หรือผสมนมแพะเล็กน้อย หรือให้อาหารเหลวสำหรับลูกสุนัข เป็นการฝึกให้สุนัขเลียหรือกินอาหารได้เอง
อ่านบทความเรื่องสุนัขพันธุ์ชิวาวาได้ที่นี่
สุนัขพันธุ์พูเดิลได้ชื่อว่าเป็นสุนัขที่มีความนิยมอันดับหนึ่งของโลกและขึ้นชื่อว่าฉลาด ฝึกง่าย สอนง่าย ขี้อ้อน และประจบเก่งเป็นที่สุด แถมยังอดทน ไม่ขี้แย เลี้ยงง่าย แม้จะปากเปราะไปบ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นหมาที่เห่าไม่รู้เรื่อง ยิ่งในบ้านเรา พูเดิลสายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงกันคือ พูเดิลทอย มันกลายเป็นหวานใจตัวจ้อยของหลาย ๆ ครอบครัว เพราะขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แถมยังมีลักษณะเป็นเหมือนตุ๊กตาที่มีชีวิต สดใสมีชีวิตชีวา มีนิสัยรักสวยรักงาม ชอบเสริมสวย ชอบเที่ยว และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้เร็ว
ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์พูเดิล
พูเดิล ถูกจัดอยู่กลุ่มสุนัขที่ไม่ใช้ในเกมกีฬา (Non sporting Group) เป็นสุนัขประเภทสวยงาม ปากเรียวยาว ดวงตากลมโต หูห้อยลงมาปิดแก้ม ขนดกและหยิกชนิดติดหนัง ขนสั้นและเงางาม ขนค่อนข้างละเอียด เรียบ หยาบเล็กน้อยและไม่มีขนปุกปุย สีขนมีตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนจนถึงน้ำตาลแก่ มีขนสีขาวแต้มบริเวณหน้าอกเรียกว่า สตาร์ ข้อเท้าและปลายหาง อาจจะมีจุดสีขาวเล็กน้อยบริเวณใบหน้า จมูกจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อมันตกใจ
การเลี้ยงดูสุนัขพันธุ์พูเดิล
อาหารการกินของสุนัขพูเดิล ควรให้เป็นอาหารสำเร็จรูปจะดีที่สุด อาหารสำเร็จรูปนั้นมีอยู่หลายสูตรด้วยกัน ได้แก่ อาหารสูตรลูกสุนัข อาหารสูตรสุนัขโต และอาหารสูตรสุนัขแก่ การให้อาหารก็ควรให้ตรงตามอายุและสูตร เนื่องจากสุนัขในแต่ละวัยนั้นมีความต้องการอาหารที่แตกต่างกัน อย่างเช่น ลูกสุนัข จำเป็นต้องได้รับสารอาหารจำพวกโปรตีนสูงกว่าสุนัขโต ในขณะที่ร่างกายของสุนัขโตจะต้องการอาหารประเภทพลังงานมากกว่าโปรตีน อย่างนี้เป็นต้น และปริมาณการให้อาหารก็ไม่ควรมากจนเกินไป เพราะพูเดิล จัดเป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่กินไม่มาก
นอกจากเรื่องของโภชนาการแล้ว การให้อาหารสุนัขยังควรคำนึงถึงความสะอาดเป็นสำคัญ เจ้าของต้องคอยหมั่นดูแลภาชนะใส่อาหารและสถานที่กินให้สะอาดเรียบร้อยอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคต่าง ๆ ที่พร้อมจะทำร้ายสุนัขของเรา ส่วนในด้านการดูแลความสะอาดของพูเดิลจะต้องใส่ใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องหู เพราะพูเดิลมีใบหูที่ใหญ่ หนา ห้อยปรกลงมา จึงต้องหมั่นสำรวจดูใบหูบ่อย ๆ แล้วใช้สำลีเช็ดทำความสะอาดให้หมดจด ซึ่งจะดีมากหากจะหยอดน้ำยาเช็ดหูเข้าไปก่อนประมาณ 5 นาที เพื่อทำให้สิ่งสกปรกอ่อนตัว และง่ายในการเช็ดออกมา แต่ระวังอย่าแหย่สำลีลึกจนเกินไป เพราะอาจจะเป็นอันตรายต่อหูชั้นในได้
นอกจากนี้ ตาก็เป็นอวัยวะสำคัญที่พบปัญหา พูเดิลส่วนใหญ่จะมีร่องน้ำตาที่เห็นได้ค่อนข้างชัด ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้คราบน้ำตาหรือสิ่งสกปรกไปหมักหมมได้ง่าย เจ้าของจึงควรคอยเช็ดทำความสะอาดให้ทุกวัน เพราะหากทิ้งไว้นาน ๆ คราบนั้นจะฝังแน่นอย่างถาวร เช็ดไม่ออก นอกจากนั้น ยังควรหมั่นตรวจดูดวงตาของพูเดิลด้วยว่ามีฝ้าขาว ๆ หรือรอยขีดข่วน รอยแผลบ้างหรือไม่
อ่านบทความสุนัขพันธุ์พูเดิล ได้ที่นี่
ในปัจจุบัน คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักสุนัขสายพันธุ์ปั๊กเป็นแน่ เนื่องด้วยกระแสความนิยมในสุนัขสายพันธุ์นี้ที่เริ่มมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะด้วยอุปนิสัยน่ารักน่าเลี้ยงก็ดี หรือจะด้วยรูปร่างหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ มองอย่างไรก็ไม่เบื่อ ชวนให้หัวเราะแล้วอารมณ์ดีทุกคราที่มองปั๊กน้อย สิ่งเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุผลที่ทำให้คนไทยหันมาเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้มากขึ้นตามลำดับ
ด้วยความร่าเริงที่ไม่เหมือนใคร หน้าตาแลดูฉงนปนทะเล้น และอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา ทำให้ปั๊กไม่เพียงแต่เป็นที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทยเท่านั้น หากแต่ยังแพร่หลายมากขึ้นทั่วโลกอีกด้วย
ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์ปั๊ก
สุนัขพันธุ์นี้เป็นที่นิยมเลี้ยงกันมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีนิสัยน่ารัก ถึงหน้าตาของมันจะดูเหมือนคิดมากไปสักหน่อย แต่ถ้าได้ลองเลี้ยงแล้วจะหลงใหลไม่รู้ตัว เพราะความอ่อนโยนของมัน ข้อควรระวังในการเลี้ยงคือสภาพอากาศที่ร้อน ปั๊กจะทนไม่ค่อยได้ ถ้าทนไม่ไหวอาจเป็นลมแดดได้ และถ้าอากาศเย็นควรให้อยู่ในที่อุ่น ๆ หรือหาเสื้อมาสวมให้เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นหวัด
การเลี้ยงดูสุนัขพันธุ์ปั๊ก
แม้สุนัขพันธุ์นี้จะไม่ต้องการการดูแลเสริมสวยให้ยุ่งยากมากนัก แต่ก็จำเป็นต้องได้รับการรักษาความสะอาดทุกวัน อีกทั้งการดูแลเอาใจใส่ในเรื่องของการออกกำลังกาย ก็เป็นสิ่งสำคัญ ถึงแม้ปั๊กจะไม่ใช่สุนัขที่รักกีฬา แต่การพาไปออกกำลังกายให้พอเพียง ก็จะช่วยให้ไม่อ้วนและกลายเป็นสุนัขที่เฉื่อยชาจนเกินไป
เนื่องจากรูปทรงของตาและใบหน้าทำให้สุนัขสายพันธุ์นี้มีแนวโน้มที่จะเกิดการบาดเจ็บที่ตาได้ง่าย ถ้าปั๊กของคุณกำลังถูตาอยู่ กะพริบตาถี่ ๆ มีน้ำตาไหลมากเกิน หรือตามีการเปลี่ยนสีไป ควรปรึกษาสัตวแพทย์ของคุณโดยทันที และการที่เป็นสุนัขจมูกสั้น จึงมักมีปัญหาเกี่ยวกับเพดานปากอ่อน จึงจำเป็นต้องตรวจสอบอยู่เสมอ
นอกจากนี้ ปั๊กยังมีความเสี่ยงที่จะอ้วนได้ง่าย ดังนั้น การควบคุมปริมาณอาหารและการออกกำลังกายจึงเป็นสิ่งจำเป็น โครงสร้างกะโหลกศีรษะที่สั้น ส่งผลให้ปั๊ก มักมีปัญหาระบบทางเดินหายใจส่วนต้น โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงหรือภายหลังการออกกำลังกายอย่างหนัก จึงควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่มากเกินไป และการเลี้ยงดูในสถานที่ที่มีอุณหภูมิสูง
อ่านบทความเรื่องสุนัขพันธุ์ปั๊กได้ที่นี่
จะเห็นได้ว่าเซเลบในฮอลลีวูดหลายคนชอบหิ้วเจ้ามะหมาตัวเล็กกระจิริดไว้ในกระเป๋าข้างกาย เจ้ามะหมาที่ว่านั่นจะเป็นพันธุ์ใดไม่ได้เลย หากไม่ใช่พันธุ์ชิวาวา ซึ่งจัดได้ว่าเป็นสุนัขพันธุ์ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก และในปัจจุบันสุนัขพันธุ์ชิวาวากำลังเป็นที่นิยมกันมากของเหล่าผู้ที่รักสุนัข เพราะด้วยขนาดตัวของมันและอุปนิสัยที่ขี้เล่น น่ารัก ผู้คนส่วนใหญ่จึงนิยมนำเจ้าชิวาวามาเลี้ยงนั่นเอง
ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์ชิวาวา
หลาย ๆ คนลงความเห็นว่า สุนัขชิวาวามีนิสัยที่ค่อนข้างติดเจ้าของและไม่ทำลายข้าวของ ขี้ประจบมาก อ้อน บางครั้งก็เป็นสุนัขที่หยิ่งในตัว ถ้าไม่ใช่เจ้าของจะไม่ให้จับต้อง ปากเปราะเห่าเสียงดังเหมือนสุนัขพันธุ์เล็กตัวอื่น ๆ ทำให้สุนัขชิวาวาเหมาะที่จะเลี้ยงไว้สำหรับเป็นเพื่อนมากกว่าหมาเฝ้าบ้าน แต่จากการสำรวจของเดลี่เมล พบว่า ชิวาวา สามารถสร้างความเสียหายให้เจ้าของได้เฉียด 40,000 บาท ตลอดช่วงอายุขัยของมัน เรียกได้ว่า เป็นรองแค่สุนัขพันธุ์เกรตเดนที่สร้างความเสียหายให้ทรัพย์สินและที่อยู่อาศัยของเจ้าของเฉลี่ย 41,540 บาท โดยอาจอ้างได้ว่าเป็นเพราะขนาดตัวของสุนัขพันธุ์นี้มีขนาดใหญ่
การเลี้ยงดูสุนัขพันธฺุ์ชิวาวา
สุนัขพันธุ์ชิวาวาเพศผู้อายุ 1 ปี จะเริ่มเป็นสัดซึ่งเร็วกว่าเพศเมีย เริ่มเหล่หนุ่มตอนช่วงอายุ 18 เดือน หลังจากผสมพันธุ์แล้วตกลูกเต็มที่ 1-3 ตัว น้ำหนักตั้งท้องจะมีขนาด 2 กิโลกว่า ลูกสุนัข มีน้ำหนัก 1 ขีด ไม่เกิน 2 ขีด มีขนาดเล็กมาก แรกคลอดต้องคอยดูแลให้สุนัขกินนมแม่ ซึ่งช่วงนี้ควรระวังเรื่องโรคต่าง ๆ
พออายุราวเดือนครึ่ง ควรเริ่มฝึกให้สุนัขชิวาวากินอาหารเม็ดด้วยการแช่น้ำให้นิ่ม หรือผสมนมแพะเล็กน้อย หรือให้อาหารเหลวสำหรับลูกสุนัข เป็นการฝึกให้สุนัขเลียหรือกินอาหารได้เอง
อ่านบทความเรื่องสุนัขพันธุ์ชิวาวาได้ที่นี่
เป็นเรื่องขำ ๆ ที่ว่า ท่าไม้ตายของเจ้าหมาที่ชื่อ เฟรนช์บูลด็อก นั้นเป็นหน้านิ่ง ๆ ที่ดูแล้วไม่รู้ว่าอารมณ์ไหน เพื่อที่จะหลอกล่อให้เราเข้าใกล้ เพราะหากเผลอสัมผัส ลูบไล้เจ้าเฟรนช์บูลด็อกเมื่อใด รับรองได้ว่าคุณจะรู้สึกเหมือนโดนน็อกด้วยตาโต ๆ หน้าย่น ๆ หูกางคล้ายค้างคาวที่มองไปมองมากลับดูมีเสน่ห์ และสุดท้ายก็ตกเป็นทาสรักของเฟรนช์บูลด็อกอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว
ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธฺุ์เฟรนช์บูลด็อก
ฉลาด กล้าหาญ ร่าเริง ชอบเล่น ชอบออกกำลังกาย และตื่นตัวอยู่เสมอ เป็นมิตร เข้ากับคนและสัตว์อื่น ๆ ได้ดี เฟรนช์บูลด็อก เป็นสุนัขที่เห่าน้อย ไม่ทนต่ออากาศร้อน โดยเฉพาะตัวที่นำเข้าจากต่างประเทศ อาจจะยังปรับตัวไม่ได้ แต่สำหรับสุนัขเฟรนช์บูลด็อกที่เกิดในเมืองไทยจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องสภาวะอากาศเท่าไรนัก
การเลี้ยงดูสุนัขพันธฺุ์เฟรนช์บูลด็อก
ด้วยความที่เป็นสุนัขขนสั้น เฟรนช์บูลด็อกจึงไม่ต้องการการดูแลมาก แต่เจ้าตูบจะผลัดขนในช่วงหน้าร้อน การออกกำลังกายทำได้ง่าย โดยพามันเดินเล่นรอบ ๆ บ้าน หรือโยนลูกบอลเล่นกับมัน นอกจากนี้ มันไม่ชอบการถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ผู้เลี้ยงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องระบบการหายใจของสุนัขด้วย หากหายใจทางปากถี่ขึ้นจนผิดปกติ ควรรีบนำมันเข้าที่ร่มหรือห้องแอร์โดยเร็ว และหากมั่นใจว่ามันอาจจะเป็นฮีตสโตรก (ชักเนื่องจากความร้อน) ควรลดอุณหภูมิร่างกายของมันให้เร็วที่สุด เช่น เอาน้ำราด เอาน้ำแข็งไปโปะ แล้วพาไปหาหมอให้ฉีดยากันชักโดยเร็ว
ส่วนเรื่องการกินข้าวของเจ้าหมาพันธุ์นี้ หากเจ้าของกินข้าวเวลาเดียวกันกับเฟรนช์บูลด็อก เห็นทีจะต้องทำใจในเรื่องมารยาทในการกินอาหารของมันหน่อยนะ เพราะเฟรนช์บูลด็อกจะกินข้าวด้วยเสียงจุ๊บจั๊บให้ได้ยินกันถ้วนหน้า เมื่ออิ่มแล้วมันก็จะมานอนบนตักของคุณและเริ่มผายลมออกมาเป็นระยะ ๆ จนกระทั่งท้องไส้เริ่มหายปั่นป่วน มันก็จะนอนหงายท้องอย่างสบายใจ แล้วเริ่มกระบวนการกรนเสียงดังเพื่อให้คุณคลายเหงา (อิอิ)
อ่านบทความสุนัขพันธุ์เฟรนช์บูลด็อกได้ที่นี่
เจ้าตูบตัวจ้อย ฉลาด น่ารัก แต่แอบซนสุด ๆ อย่างสุนัข พันธุ์แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย (Jack Russell Terrier) กำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เพราะมันเหมาะสำหรับเลี้ยงในบ้านได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะแจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย เข้ากันได้ดีกับสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ หรือเจ้าของ ดังนั้น จึงเหมาะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนแก้เหงา และด้วยบุคลิกอันกระฉับกระเฉงของมันจะทำให้คุณเพลินกับมันไปได้อย่างง่ายดาย
ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย
สุนัขพันธุ์นี้สามารถมีชีวิตได้นานถึง 14 ปี แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรียร์ เป็นนักล่าตัวเล็ก ๆ ที่ยอดเยี่ยม พวกมันเป็นสุนัขที่ฉลาด ซึ่งเห็นได้ชัดจากการที่มันเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านายได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสนามแข่งขัน โดยในอดีต แจ็ค รัสเซลล์ จะไล่ล่าไปตั้งแต่สุนัขจิ้งจอกจนถึงหนูตัวเล็ก ๆ พวกมันจะใช้เวลาในการสำรวจพื้นที่ก่อนจะทำการไล่ล่า เพื่อความแม่นยำ
นอกจากนี้ สุนัขแจ็ค รัสเซลล์ ยังเข้ากันได้ดีกับสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ เหมาะเป็นทั้งสุนัขที่เลี้ยงในบ้าน และก็สามารถพาออกไปนอกบ้านได้อย่างไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม ด้วยธรรมชาติความอยากรู้อยากเห็นจนถึงขั้นซนของ แจ็ค รัสเซลล์ ทำให้ผู้เลี้ยงจำเป็นที่จะต้องให้อยู่ในสถานที่ที่ซึ่งมีรั้วรอบขอบชิดเป็นอย่างดี
การเลี้ยงดูสุนัขพันธฺุ์แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย
ผู้เลี้ยงจำนวนมากมักมีความคิดว่า หากน้องหมากินแต่อาหารเม็ด น้องหมาจะเกิดความเบื่อหน่าย ไม่ถูกปาก และไม่อยากกิน แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาหารที่เหมาะสมกับน้องหมาที่สุดก็คือ อาหารเม็ดสำเร็จรูปเหล่านี้นั่นเอง เนื่องจากอาหารเม็ดสำเร็จรูปจะมีการคำนวณปริมาณสารอาหารต่าง ๆ ที่น้องหมาควรได้รับต่อมื้อมาอย่างพอดี โดยผู้เลี้ยงควรให้น้องหมากินอาหารตามสูตรและให้ในปริมาณที่เหมาะสมตามที่ระบุไว้ข้างถุง หรือข้างกล่องของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้น้องหมาของเราได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายและไม่มากหรือน้อยจนอาจกลายเป็นปัญหาสุขภาพตามมาภายหลัง
แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรียร์ เป็นสุนัขที่ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำบ่อย และการอาบน้ำเพียงเดือนละครั้งก็เพียงพอต่อความต้องการของน้องหมาแล้ว เนื่องจากพวกมันไม่มีต่อมเหงื่อเหมือนกับคนเรา การอาบน้ำบ่อย ๆ อาจทำให้ผิวหนังของน้องหมาแห้ง แต่อาจเพิ่มจำนวนครั้งในการอาบน้ำได้ตามสมควร หากว่ามันออกไปเล่นจนสกปรกมากเกินไป
แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรียร์ เป็นสุนัขที่มีลักษณะนิสัยกระฉับกระเฉง และตื่นตัวเป็นอย่างมาก จึงทำให้น้องหมามีความต้องการและชอบการออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ แต่การพาน้องหมาไปออกกำลังกายนอกบ้าน หรือบริเวณพื้นที่สาธารณะนั้น จำเป็นต้องคำนึงถึงลักษณะนิสัยของสุนัขสายพันธุ์ แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรียร์ เป็นพิเศษ เพราะพวกมันมีแนวโน้มที่จะวิ่งไล่กวดสุนัขหรือสัตว์อื่น ๆ ที่พบเห็นได้โดยง่าย ผู้เลี้ยงจึงควรใส่สายจูงให้มันทุกครั้งเมื่อพามันออกไปเดินเล่นหรือออกกำลังกาย
อ่านบทความสุนัขพันธุ์แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย ได้ที่นี่
หากพูดถึงสุนัขโนเนมแห่งท้องทุ่งและเหมืองถ่านหินอ้างว้างห่างไกลเมืองยอร์คเชียร์ ทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ มีชีวิตประจำวันเป็นสุนัขใช้งาน รับหน้าที่ในการตามล่าและไล่จับเจ้าหนูตัวร้ายจอมป่วน... แต่มาวันนี้ หากลองพิมพ์ชื่อของเจ้าตูบแสนซนนี้ลงในอินเทอร์เน็ต คงมีเรื่องราวมากมายปรากฏขึ้นมาให้อ่านกันไม่หวาดไม่ไหว หลายคนคงนึกออกแล้วใช่ไหมล่ะว่า เรากำลังพูดถึงเจ้าสุนัขตัวน้อยขนยาวสายพันธุ์ ยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย (Yorkshire Terrier) หรือที่นิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า "ยอร์คกี้" นั่นเอง
ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์ยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย
ยอร์คเชียร์ เป็นสุนัขตัวเล็กที่เปี่ยมด้วยพลัง ชอบเล่น และอยากรู้อยากเห็น นอกจากนั้น ยังชอบผจญภัย รักอิสระ และไม่ค่อยรู้จักความกลัว ด้วยความเป็นสุนัขที่มีนิสัยกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวใคร ทำให้ยอร์คเชียร์มักไม่สนใจว่าตัวเองนั้นตัวเล็กกระจิริดแค่ไหน เมื่อเจอคนแปลกหน้า ยอร์คเชียร์จึงพร้อมที่จะเห่าเตือนเจ้าของเสมอ
สุนัขยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย เหมาะกับคนทุกช่วงอายุ และเป็นสัตว์เลี้ยงที่ดีสำหรับคนโสดหรือผู้ไม่มีบุตร หากบ้านใดมีเด็กเล็กอยู่ในครอบครัว ควรสอนเด็กให้รู้จักวิธีปฏิบัติตัวและวิธีเล่นกับยอร์คเชียร์ เพราะหากเด็กเล่นกับมันแรง ๆ ก็อาจทำให้มันบาดเจ็บได้ง่าย เพราะมันตัวเล็กและบอบบาง บางทีอาจอันตรายถึงชีวิต หรือหากยอร์คเชียร์ถูกเด็กแกล้งเป็นประจำ ก็จะทำให้นิสัยของมันเปลี่ยนเป็นก้าวร้าว โมโหง่าย หรืออาจถึงขั้นกัดคน หากพ่อแม่รู้จักสอนลูก ๆ ให้ปฏิบัติตัวต่อยอร์คเชียร์อย่างดีแล้ว มันก็จะเป็นสัตว์เลี้ยงของครอบครัวที่ดีได้เช่นกัน
การเลี้ยงดูสุนัขพันธฺุ์ยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย
การอาบน้ำให้สุนัขยอร์คเชียร์ อาจทำแค่ 1 ครั้งต่อเดือน ก็เพียงพอ การอาบน้ำควรทำในสถานที่ที่อากาศอบอุ่น ก่อนอื่นต้องใช้สำลีอุดหูทั้งสองข้างเพื่อกันน้ำเข้าหู จากนั้นใช้มือข้างหนึ่งรองบริเวณอกเพื่อจับให้มันยืนขึ้น (หากเป็นไปได้ ควรหาผ้ารองกันลื่นมาวางรองพื้นเพื่อไม่ให้ขาของมันลื่นไถลไปมาเวลาที่คุณจับมันยืน) เปิดน้ำจากฝักบัวอย่าให้แรงมากนัก ค่อย ๆ รดตัวมันให้เปียกจนทั่ว ชโลมแชมพูให้ทั่วตัวและถูเบา ๆ ล้างทำความสะอาดบริเวณศีรษะและใบหน้าเป็นอันดับสุดท้าย
ทั้งนี้ ต้องระวังอย่าให้แชมพูเข้าปากและตาของเจ้ายอร์คกี้ จากนั้นล้างแชมพูออกด้วยน้ำสะอาด แล้วเช็ดด้วยผ้าขนหนู ก่อนจะนำไปเป่าขนให้แห้งด้วยไดร์เป่าที่ใช้ความร้อนพอเหมาะ เสร็จแล้วจึงใช้แปรงหวีขนเบา ๆ ซึ่งการแแปรงขนให้ยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย เป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำทุกวันสำหรับสุนัขพันธุ์นี้
ส่วนเรื่องอาหารการกินของสุนัขยอร์คเชียร์ ควรจะเป็นอาหารเม็ดจะดีที่สุด เพราะมีความสะดวกในการเก็บรักษา ในลูกสุนัขควรเลือกอาหารสูตรลูกสุนัข ซึ่งมีปริมาณโปรตีนสูง แต่สำหรับยอร์คกี้ ที่โตแล้ว อาจเลือกอาหารที่มีปริมาณโปรตีนเป็นส่วนประกอบขั้นต่ำ ประมาณร้อยละ 20 ก็เพียงพอ และอาจผสมอาหารเปียกลงไปในอาหารเม็ดเพื่อเพิ่มความน่ากินเป็นบางครั้งก็ได้
อ่านบทความสุนัขพันธุ์ยอร์คเชียร์ เทอร์เรีย ได้ที่นี่
ปักกิ่ง เป็นสุนัขขนาดเล็กที่น่าสนใจสายพันธุ์หนึ่ง พวกมันมีบุคลิกลักษณะผสมกันระหว่างความน่ารักประหลาด ๆ มีหน้าตาสั้น ๆ แบน ๆ จมูกทู่ ๆ ตากลมโต และยังขึ้นชื่อในเรื่องความทรนง เคยได้รับฉายา "ราชาแห่งสุนัข" ด้วยแน่ะ สำหรับในประเทศไทยเรา สุนัขพันธุ์ปักกิ่งเคยเป็นสุนัขที่ฮอตฮิตอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ ลดความนิยมลง เพราะสายพันธุ์แท้ ๆ ในปัจจุบันเริ่มหายาก การเลี้ยงดูค่อนข้างลำบาก และอากาศในบ้านเราเป็นศัตรูตัวฉกาจของปักกิ่ง แต่ก็ยังคงผู้คนจำนวนไม่น้อยที่หลงใหลในเสน่ห์ของสุนัขพันธุ์นี้
ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง
ถึงแม้จะเคยเป็นสุนัขที่ได้รับการดูแลอย่างดีอยู่ในวัง แต่สุนัขพันธุ์ปักกิ่งก็มีนิสัยกล้าหาญเกินตัว ไม่เกรงกลัวอะไรง่าย ๆ แม้จะเป็นสุนัขตัวเล็ก ๆ พวกมันไม่เคยมีประวัติเรื่องวิ่งหนีหางจุกตูด ทั้งยังเป็นสายพันธุ์ที่แข็งแรง ทรหดอดทน ฉะนั้น จึงทำหน้าที่เฝ้าบ้านได้เป็นอย่างดี และที่เด่นชัดเป็นที่สุด ก็คือความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ประจบประแจง ไม่เจ้าเล่ห์ และเลี้ยงง่าย ทั้งยังรักและซื่อสัตย์ต่อเจ้าของอย่างยิ่งด้วย
นอกจากนี้ สุนัขพันธุ์ปักกิ่งยังสุภาพ เป็นมิตร รักสนุกและชอบเล่น แม้ว่าในบางอารมณ์สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง จะดื้อดึงไปบ้าง แต่นั่นก็เพราะความเป็นตัวของตัวเอง รักอิสระ ไม่ชอบให้ใครบังคับ อันเป็นนิสัยที่มีอยู่ในสายเลือด จนบางครั้งอาจดูเหมือนดื้อ เอาแต่ใจ หากแต่ก็ไม่ดื้อจนไม่เชื่อฟัง ถ้าได้รับการดูแลเอาใจใส่ที่ดี และได้รับความรักมากพอ สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง ก็น่ารักไม่ต่างไปจากเพื่อนตูบสายพันธุ์อื่น ๆ เลยสักนิด
อย่างไรก็ดี สุนัขพันธุ์ปักกิ่ง ไม่ค่อยชอบเด็กและเข้ากับสุนัขตัวอื่นได้ยาก แต่หากเจ้าของเลี้ยงให้โตมาด้วยกันตั้งแต่ยังเล็ก ก็ไม่ยากเกินไปนักที่สุนัขพันธุ์ปักกิ่งจะทำใจยอมรับกับการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับเพื่อนต่างสายพันธุ์
การเลี้ยงดูสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง
ขนยาว ๆ หนา ๆ ของปักกิ่ง จำเป็นต้องได้รับการเอาใจใส่ดูแลอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ผู้เลี้ยงควรแปรงขนและทำความสะอาดขนให้ปักกิ่งเป็นประจำ และยังต้องหมั่นทำความสะอาดบริเวณตา หู ตัดเล็บนิ้วเท้าให้สั้นอยู่เสมอ นอกจากนั้น ควรจูงสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง เดินออกกำลังกายสม่ำเสมอในระยะทางที่ไม่ไกลนัก
และด้วยจมูกสั้นแบน แถมยังจมลึกอยู่ระหว่างตาทั้งสองข้าง จึงทำให้ระบบการหายใจของปักกิ่ง เป็นไปอย่างลำบาก น้องหมาพันธุ์นี้จะไม่สามารถทนต่อสภาพภูมิอากาศที่ร้อนชื้นได้ดีเท่าใดนัก ฉะนั้น สุนัขพันธุ์ปักกิ่งจึงไม่เหมาะที่จะเลี้ยงนอกบ้าน หากเปิดแอร์ให้บ้างก็จะดีไม่น้อย อย่างไรก็ตามสถานที่เลี้ยงสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง ต้องเป็นสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกด้วย
อ่านบทความสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง ได้ที่นี่
ในระยะนี้เรามักได้เห็นความน่ารักของเจ้าตูบพันธุ์บีเกิลผ่านสื่ออยู่บ่อย ๆ จนทำให้หลายคนตกหลุมรักเจ้าตูบพันธุ์นี้ซะจนอยากได้มาเป็นเลี้ยงสักตัว ก็เพราะเจ้าบีเกิลเป็นน้องหมาที่มีใบหน้าน่ารัก หูปรก ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน แถมยังเป็นสุนัขที่รักเด็ก เข้ากับคนง่ายและเข้ากันได้ดีกับสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ด้วยนะ แถมมันยังติดอันดับ 1 ใน 10 สุนัขที่มีความนิยมมากว่า 30 ปี และเป็นอีกหนึ่งพันธุ์ที่นิยมในอเมริกา ใน U.K.C. ของสหรัฐอเมริกา
ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมทั่วไปของสุนัขพันธุ์บีเกิล
บีเกิลเป็นสุนัขที่สุภาพ พวกมันค่อนข้างเป็นมิตร ไม่ดุร้ายเกินไปหรือเฉื่อยชาเกินไป ชอบอยู่กันเป็นกลุ่ม แต่มันก็เชื่องคนง่ายเกินจึงไม่เหมาะที่จะเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน ทว่ามันยังคงเห่าหรือหอนบ้าง เมื่อเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้า
นอกจากนี้ บีเกิลยังเป็นสุนัขที่เหมาะกับเด็ก ๆ เข้ากับเด็กๆ ในบ้านดี ๆ ไม่พบประวัติการทำร้ายเด็ก บีเกิลจึงเป็นสุนัขที่นิยมเลี้ยงกันในครอบครัว และบีเกิลยังเข้ากับสุนัขสายพันธุ์อื่นได้ง่าย พวกมันแข็งแรงมาก จึงวิ่งเล่นได้นานโดยที่ไม่เหนื่อยง่าย ๆ อย่างไรก็ตาม โดยธรรมชาติพวกมันเป็นสุนัขที่อยู่เป็นฝูง เวลานำไปเลี้ยงเดี่ยวจึงอาจเกิดอาการซึมเศร้าได้ และแม้ว่าบีเกิลจะมีพลังเห่าหอนอันรุนแรง แต่ไม่ใช่บีเกิลทุกตัวที่จะหอน แต่ส่วนมากจะเห่าเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งบางตัวจะเห่าหรือหอนเมื่อรับรู้ถึงกลิ่นใดกลิ่นหนึ่งโดยเฉพาะ
การเลี้ยงดูสุนัขพันธุ์บีเกิล
แม้ว่าสุนัขสายพันธุ์นี้จะมีขนาดเล็ก แต่ด้วยเหตุที่จุดประสงค์ดั้งเดิมที่มันถูกพัฒนาขึ้นมาคือการเป็นสุนัขสำหรับล่าสัตว์ ทำให้พวกมันมีพลังงานในตัวมากและชื่นชอบการออกกำลังกายเป็นอย่างยิ่ง ผู้เลี้ยงจึงควรพาไปออกกำลังกายบ้างอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น และหากคุณอาศัยอยู่ในพื้นที่ซึ่งไม่มีบริเวณกว้างขวางนัก อย่างเช่น คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ คุณก็จะต้องพิจารณาให้ดีว่าคุณพอมีเวลาและมีสวนสาธารณะใกล้เคียงที่คุณสามารถพามันไปเดินเล่นออกกำลังได้หรือไม่ อย่างไรก็ดี สุนัขเหล่านี้ต้องอยู่ในบริเวณที่มีรั้วรอบขอบชิด เพราะพวกมันช่างไม่มีสัญชาตญาณในการระวังภัยบนท้องถนนเอาเสียเลย และมักมีความเข้าใจอย่างผิด ๆ ว่ารถทุกคันจะหยุดรอให้พวกมันไปก่อน
ด้านการดูแลทำความสะอาดให้สุนัขขนสั้นอย่างบีเกิลนั้นแสนง่าย แค่อาบน้ำให้อาทิตย์ละครั้งก็เพียงพอ จากนั้นก็เช็ดหรือเป่าตัวให้แห้งพร้อม ๆ กับแปรงขนไปด้วย หรือถ้าไม่สกปรกมากอาจใช้แค่ผ้าสะอาดชุบน้ำเช็ดตัวให้ก็ได้ ส่วนเรื่องการแปรงขนให้บีเกิลสามารถทำได้โดยง่าย เนื่องจากว่ามันมีขนสั้นและสีเข้ม ซึ่งควรแปรงขนทุก ๆ 3-4 วัน เพื่อกำจัดเส้นขนที่ตายแล้วออกไปและช่วยเพิ่มความเงางามแข็งแรงแก่เส้นขน
ส่วนเรื่องอาหารการกิน หากเราต้องการให้บีเกิลมีสุขภาพแข็งแรง เติบโตสมวัย ก็ต้องใส่ใจเรื่องนี้ให้มาก ซึ่งวิธีการให้อาหารแก่บีเกิลที่ถูกต้องก็จะเป็นไปตามช่วงวัยนั่นเอง
อ่านบทความสุนัขพันธุ์บีเกิล ได้ที่นี่