
ตำแยแมว สมุนไพรเพื่อแมว
กับประโยชน์ที่ไม่ควรมองข้าม
ตำแยแมว คืออะไร ?

ลักษณะของตำแยแมว ดูยังไง
-
ลำต้น : เป็นพรรณไม้ล้มลุกขนาดเล็ก สูงประมาณ 2 ฟุต ลำต้นตั้งตรง แตกกิ่งจากโคน เนื้อในอ่อน ไม่แข็งแรง
-
ใบ : ใบเดี่ยว ขนาดเล็ก รูปมนรี รูปไข่ หรือกลมโต ปลายใบมนหรือแหลมเล็กน้อย ขอบใบหยัก ผิวใบมีขนปกคลุม
-
ดอก : ออกเป็นช่อตามซอกใบ ดอกเพศเมียอยู่ที่ยอดของช่อ คล้ายใบอ่อนขนาดเล็ก มีใบประดับหยักเป็นซี่ฟันและมีขนปกคลุม
-
การขยายพันธุ์ : ปักชำหรือแยกต้น
อย่างไรก็ตาม บางคนอาจแบ่งตำแยแมวเป็น "ตำแยแมวตัวผู้" กับ "ตำแยแมวตัวเมีย" ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ได้มีการแบ่งเช่นนั้น เพราะตำแยแมวเป็นพืชที่มีดอกสมบูรณ์เพศอยู่แล้ว ไม่ได้แยกต้นตัวผู้-ต้นตัวเมียชัดเจน แต่หมอยาพื้นบ้านมักจะเรียกกันเอง เช่น
-
ตำแยแมวตัวผู้ : มักเป็นต้นที่โตไว ใบเล็ก หากสัมผัสขนจะรู้สึกคันมาก
- ตำแยแมวตัวเมีย : มักเป็นต้นที่มีใบใหญ่ ใบหนากว่า แต่ขนจะคันน้อยกว่า

ตำแยแมว กับสรรพคุณน่าสนใจ
ตำแยแมว มีสรรพคุณทางยาที่หลากหลายสำหรับคนทั่วไป ดังนี้
-
ช่วยขับเสมหะ : นำใบสดสับละเอียด ต้มกับน้ำ 4 ถ้วยให้เหลือ 2 ถ้วย ดื่มครั้งละ 1 ถ้วย เช้า-เย็น ช่วยขับเสมหะในโรคหลอดลมอักเสบและหอบหืด
-
รักษาอาการไอ : ถอนทั้งต้นและราก ต้มน้ำดื่ม 1 แก้วเมื่อมีอาการ หรือโขลกผสมน้ำซาวข้าว กรองดื่ม
-
บรรเทาอาการภูมิและหอบหืด : มีการทดลองในสัตว์พบว่า สารสกัดเอทานอลจากใบตำแยแมวมีฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งฮิสตามีน ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ทำให้เกิดอาการแพ้ คัน และช่วยขยายหลอดลม จึงอาจมีส่วนช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้และหอบหืด
-
ใช้เป็นยาระบายและถอนพิษ : ต้น ราก และใบ ช่วยเป็นยาระบาย ถอนพิษเมาเบื่อในทางเดินอาหาร
-
ขับพยาธิ : ใบสดนำมาทำอาหารหรือต้มกิน ช่วยขับพยาธิเส้นด้าย โดยเฉพาะในเด็ก
-
รักษาโรคผิวหนัง : นำใบสดตำผสมเกลือทาบริเวณที่เป็น หรือนำใบแห้งป่นโรยแผลที่เกิดจากการนอนนาน
-
แก้พิษคัน : นำใบสดตีหรือฟาดเบา ๆ บริเวณที่คันจากตำแยตัวเมีย
- บำรุงร่างกาย : นำรากมาต้มน้ำดื่มวันละ 1 แก้วก่อนอาหาร ช่วยบำรุงกำลัง แก้ปวดเมื่อย และเสริมสมรรถภาพทางเพศ
ข้อควรระวังในการใช้ตำแยแมว
-
การใช้ตำแยแมวในปริมาณมากอาจทำให้คลื่นไส้อาเจียนหรือระคายเคืองทางเดินอาหารได้
-
คนที่มีอาการท้องเสียไม่ควรรับประทาน เพราะตำแยแมวมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ จะยิ่งทำให้อาการรุนแรงขึ้น
-
สตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน เพราะยังไม่มีข้อมูลด้านความปลอดภัยที่มากพอ
-
ผู้ป่วยโรคแพ้ถั่วปากอ้า หรือโรค G6PD (Glucose-6-phosphate dehydrogenase deficiency) ไม่ควรใช้ตำแยแมว ซึ่งอาจส่งผลให้เม็ดเลือดแดงแตก
-
สำหรับคนทั่วไปควรใช้ตำแยแมวอย่างระมัดระวัง หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรก่อนใช้
ประโยชน์ของตำแยแมวสำหรับน้องเหมียว

-
บรรเทาความเครียด : การได้สัมผัสและกลิ้งเกลือกกับตำแยแมวช่วยให้แมวรู้สึกผ่อนคลายและลดความเครียดได้
-
รักษาอาการป่วยเบื้องต้น : แมวมักจะเคี้ยวลำต้นเพื่อช่วยบรรเทาอาการไม่สบายหรือไข้เล็ก ๆ น้อย ๆ
-
ช่วยถอนพิษ : หากแมวเผลอกินสารที่มีพิษเข้าไป การให้มันกินต้นตำแยแมวจะช่วยให้อาเจียนและขับพิษออกมาได้
-
เป็นยาไล่แมลงธรรมชาติ : มีงานวิจัยจากญี่ปุ่นยืนยันว่า สารในตำแยแมวสามารถไล่ยุงลายได้จริง ดังนั้น การที่แมวเคี้ยวและถูไถตัวกับต้นตำแยแมว จึงเปรียบเสมือนการทาโลชั่นกันยุงให้ตัวเองไปในตัว
ตำแยแมว ให้แมวกินยังไง ? แมวกินส่วนไหน ?
ตำแยแมว VS กัญชาแมว ต่างกันอย่างไร

กัญชาแมว
ตำแยแมว และกัญชาแมว อันตรายไหม เป็นสารเสพติดหรือไม่ ?
ส่วนใครที่สงสัยว่า กัญชาแมว และตำแยแมว เป็นสารเสพติดหรือไม่ ประเด็นนี้ รศ.สพ.ญ.ดร.อุตรา จามีกร จากคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้ยืนยันว่าสารที่พบในพืชทั้งสองชนิด ไม่ใช่สารเสพติด และไม่เป็นอันตรายต่อแมว เป็นเพียงสารที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทชั่วคราว ประมาณ 10-15 นาที ทำให้แมวมีความสุขเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้พืชทั้งสองชนิดจะปลอดภัย แต่ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรให้บ่อยจนเกินไป เพราะอาจทำให้แมวติดและไม่สนใจสิ่งอื่น ๆ ที่สำคัญคือ ควรสังเกตอาการแพ้ของแมวแต่ละตัวด้วย เนื่องจากแมวแต่ละตัวอาจมีปฏิกิริยาตอบสนองที่แตกต่างกัน