แมวขนแตก อีกหนึ่งปัญหาของเจ้าเหมียวที่ทาสควรรู้ ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร พร้อมวิธีดูแลให้น้องแมวมีขนสุขภาพดีสวยงาม
แมวขนแตก หนึ่งในปัญหาที่คนเลี้ยงแมวมักมีโอกาสได้พบเห็นกันบ่อย ๆ โดยเฉพาะในแมวพันธุ์ที่มีขนยาวและหนา ซึ่งจะมีอาการที่เด่นชัดคือ ขนมีลักษณะจับตัวกันเป็นก้อนเป็นแพ ดูไม่นิ่มเนียนสลวยสวยงาม และสำหรับใครที่อยากรู้สาเหตุผลว่าแมวขนแตกนั้นเกิดจากอะไร แล้วจะป้องกันอย่างไรได้บ้าง วันนี้เรามีความรู้ดี ๆ มาฝากกัน
แมวขนแตก เพราะอะไร ?
1. การดูแลขนที่ไม่ดีพอ
สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดที่ทำให้แมวขนแตกก็คือ การดูแลรักษาขนไม่ดีพอ ถึงแม้ว่าธรรมชาติของเจ้าเหมียวมักจะดูแลขนตัวเองเป็นปกติอยู่แล้ว แต่นั่นก็อาจไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในแมวที่สูงอายุหรือมีปัญหาสุขภาพ จึงควรได้รับการดูแลขนจากเจ้าของเพิ่มเติม
2. อายุ
กว่าเจ้าเหมียวจะสามารถเรียนรู้วิธีการดูแลขนตัวเองตัวเองได้ดี อาจต้องใช้เวลาสักระยะหรือประมาณ 2-3 เดือน ทำให้ลูกแมวที่มีอายุต่ำกว่า 6 เดือนมีโอกาสที่จะขนแตกได้ แม้ว่าจะมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงดีก็ตาม
3. ความอ้วน
แมวที่อ้วนนั้นนอกจากจะมีโอกาสเกิดรังแคได้มากกว่าปกติแล้ว ก็ยังพบปัญหาขนแตกได้บ่อยเช่นกัน เนื่องจากความอ้วนที่มากเกินไปอาจทำให้น้องไม่สามารถดูแลขนของตัวเองได้สะดวกนัก
4. ไม่ได้รับสารอาหารที่เหมาะสม
อีกหนึ่งสาเหตุของแมวขนแตกที่พบได้บ่อยก็คือภาวะทางโภชนาการที่ไม่ค่อยดี เนื่องจากร่างกายของแมวต้องการอาหารที่มีแร่ธาตุ วิตามิน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมันอย่างสมดุล ซึ่งถ้าหากเจ้าเหมียวได้กินอาหารไม่เพียงพอหรือไม่เหมาะสม ก็อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพขนได้
5. ความเครียด
แมวที่เครียดอาจเต็มไปด้วยความรู้สึกกลัวหรือไม่สบายใจ ทำให้น้องอาจหมดเวลาไปกับการทำสิ่งอื่นจนไม่มีเวลาดูแลขน เช่น ส่งเสียงเรียกร้องความสนใจ เดินตามเจ้าของ หรือหลบซ่อนตัว เป็นต้น
6. ปัญหาจากสภาพแวดล้อม
ปัญหาอื่น ๆ ภายในบ้านก็อาจส่งผลต่อสภาพขนน้องแมวได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ อย่างความชื้นที่มากเกินไปหรืออากาศที่หนาวเย็น ซึ่งอาจส่งผลต่อขนของแมวให้สูญเสียความเงางามและเหนียวเหนอะหนะ รวมทั้งปัญหาการอาบน้ำบ่อยเกินไป โดยควรอาบน้ำให้แมวไม่เกิน 1 ครั้งในทุก ๆ 4-5 สัปดาห์ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เพราะแชมพูหรือสบู่บางชนิดอาจส่งผลเสียต่อขนแมวได้
แมวขนแตก ป่วยเป็นอะไรได้บ้าง
เนื่องจากแมวที่ป่วยจะไม่สามารถดูแลขนตัวเองได้ทั่วถึงเหมือนปกติ จนเกิดเป็นปัญหาแมวขนแตก และเมื่อใดที่พบเห็นแมวขนแตก นั่นก็เป็นหนึ่งในสัญญาณที่บ่งบอกว่ามีสุขภาพของน้องแมวมีความผิดปกติบางอย่าง โดยโรคทั่วไปที่อาจทำให้แมวขนแตกได้ มีดังนี้
- โรคเกี่ยวกับฟันและปาก : ซึ่งจะทำให้แมวกำจัดขนและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วได้น้อยลง และเกิดสิ่งสกปรกสะสมตามมา
- ความไม่สมดุลของฮอร์โมน : เพราะฮอร์โมนมีผลไม่น้อยกับสภาพขนของแมว แมวสูงอายุและไม่เคยทำหมันจะมีความเสี่ยงสูงกว่าแมวทั่วไป
- โรคที่ส่งผลให้ผิวหนังผลิตน้ำมันมากขึ้น : ปกติผิวหนังจะมีการผลิตน้ำมันออกมาในระดับที่เหมาะสม แต่ถ้าหากมากเกินไปก็จะทำให้ขนจับตัวเป็นก้อนได้
- การติดเชื้อที่ผิวหนัง : อาจทำให้ขนหลุดหรือขนร่วงมากขึ้น และส่งผลให้ขนแตกหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง
- เชื้อปรสิต : เช่น เห็บ หมัด รวมไปถึงพยาธิต่าง ๆ ที่จะทำให้เกิดโรคผิวหนัง ขนร่วง รวมถึงขนแตกตามมา
- โรคอื่น ๆ : ได้แก่ โรคมะเร็ง โรคกระเพาะอาหารและลำไส้ ท้องเสีย และขาดน้ำ ก็อาจส่งผลให้ขนแตกได้เหมือนกัน
วิธีดูแลขนแมวให้นุ่มสวย
1. แปรงขน
การแปรงขนถือเป็นพื้นฐานสำคัญของการดูแลขนแมว ที่ช่วยให้ขนแมวสวย ไม่พันกัน ไม่จับเป็นก้อน อีกทั้งยังช่วยผลัดขนที่ตายแล้วให้หลุดร่วงออกไป ในขณะเดียวกันยังเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือก ที่ช่วยให้ผิวหนังและขนมีสุขภาพดีอีกด้วย
2. อาบน้ำ
การอาบน้ำแมวเป็นระยะ ๆ ด้วยแชมพูสูตรอ่อนโยนสำหรับแมวโดยเฉพาะ จะสามารถช่วยรักษาขนให้นุ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี โดยอาบด้วยน้ำอุ่นและล้างแชมพูให้สะอาดหมดจด เพื่อหลีกเลี่ยงการสะสมของสารตกค้างบนขนและผิวหนัง
3. ตัดเล็บ
เพราะการตัดเล็บแมวจะช่วยป้องกันการสร้างความเสียหายให้กับขน ที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างที่น้องกำลังดูแลขนหรือใช้ชีวิตประจำวัน
4. อาหาร
อาหารนับเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อทั้งสุขภาพโดยรวมและขนของน้องแมว จึงควรให้น้องได้กินอาหารที่เพียงพอ และได้รับสารอาหารที่เหมาะสม ได้แก่ แร่ธาตุ วิตามิน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ในปริมาณที่เหมาะสมและสมดุล
รู้อย่างนี้แล้ว ใครเลี้ยงแมวขนยาว ๆ ไว้ที่บ้าน ก็อย่าลืมหมั่นดูแลสุขภาพขนของเจ้าเหมียวกันให้ดี ๆ ด้วยล่ะ และถ้าหากพบว่าน้องมีอาการขนแตกเมื่อไหร่ ก็อย่าลืมสังเกตด้วยว่าน้องป่วยเป็นโรคอะไรหรือไม่
บทความเกี่ยวกับ วิธีดูแลแมว :
ขอบคุณข้อมูลจาก : walkervillevet.com.au, peteducate.com, figopetinsurance.com และ elysiuminstruments.com