ทำความรู้จัก ร็อตไวเลอร์ Rottweiler สุนัขจากประเทศเยอรมนี หนึ่งในสายพันธุ์สุนัขเก่าแก่ของโลก พร้อมลักษณะ วิธีเลี้ยงดู และโรคที่ควรระวัง
แม้ว่าจะมีหลายครั้งที่ ร็อตไวเลอร์ ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ เพราะข่าวการทำร้ายคนจนบาดเจ็บสาหัส แต่ส่วนใหญ่มักเสียชีวิต จึงทำให้ สุนัขร็อตไวเลอร์ ถูกสังคมพิพากษาว่าเป็นสุนัขพันธุ์ดุที่ไม่น่าพิศมัย และไม่ควรเลี้ยงไว้ในบ้านเอาเสียเลย ว่าแต่ความจริงแล้ว ร็อตไวเลอร์ มาจากไหน ลักษณะธรรมชาติของมันเป็นอย่างไร ? ไปทำความรู้จักให้มากกขึ้นก่อนตัดสินใจเลี้ยงกัน
ประวัติร็อตไวเลอร์
ร็อตไวเลอร์ (Rottweiler) เป็นหนึ่งในสายพันธุ์สุนัขเก่าแก่ของโลก สันนิษฐานว่าสืบเชื้อสายจากตระกูลมาสทิฟฟ์ มีต้นเกำเนิดจากเมืองรอตไวล์ ประเทศเยอรมนี เดิมเพาะพันธุ์ไว้สำหรับใช้งาน เช่น ช่วยต้อนสัตว์ ลากเกวียน และคุ้มครองกองคาราวานสินค้า ด้วยพละกำลังที่แข็งแรงและมีทักษะรอบด้าน มีการนำร็อตไวเลอร์มาพัฒนาสายพันธุ์ เพื่อช่วยงานในหน่วยต่าง ๆ ที่เรียกกันว่าสุนัข K-9 เช่น การค้นหา คุ้มกัน กู้ภัย
ในปัจจุบันสุนัขร็อตไวเลอร์ที่โด่งดังสุด เห็นจะเป็นพันธุ์ที่มาจาก 3 ประเทศหลัก คือ เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และยูโกสลาเวีย ร็อตไวเลอร์ ที่ดุร้ายและก้าวร้าวที่สุด เนื่องจากธรรมชาติและเป้าหมายของการเพาะเลี้ยงในประเทศนี้ในการคุ้มกันบุคคล-อารักขาอาณาบริเวณ ซึ่งสุนัขที่จะนำไปใช้งานทุกตัวจึงต้องผ่านการตรวจจิตประสาท ก่อนจะนำไปขึ้นทะเบียนด้วย
ลักษณะของสุนัขร็อตไวเลอร์
ร็อตไวเลอร์ เป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ มีความสูง 56-96 เซนติเมตร น้ำหนัก 41-50 กิโลกรัม และอายุเฉลี่ย 9-10 ปี ขนยาวปานกลาง 2 ชั้น สีดำสนิทตลอดทั้งตัว มีแต้มสีน้ำตาลมะฮกกานีบริเวณเหนือตา ด้านข้างของปาก อก และขา ศรีษะมีหน้าผากโค้งเล็กน้อย ขากรรไรกแข็งแรง หูปรกเล็กน้อย จมูกสีดำ หลังตรง หางสั้น เท้าใหญ่อุ้งเท้าหนาสสีดำ
นิสัยร็อตไวเลอร์
แม้ภายนอกจะดูดุดัน แต่จริง ๆ แล้วร็อตไวเลอร์เป็นสุนัขที่รักสงบ รักสัโดษ ฉลาด มีความกระตือรือร้น กล้าหาญ มั่นใจ มีความเป็นผู้นำ มีความระวังตัวสูงหากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย อีกทั้งร็อตไวเลอร์ยังมีความจงรักภักดี ซื่อสัตย์ และให้ความเคารพกับเจ้าของ
วิธีเลี้ยงร็อตไวเลอร์
เนื่องจากร็อตไวเลอร์เป็นสุนัขที่มีพละกำลังมากและมีความกระตือรือล้น ดังนั้นควรมีพื้นที่ให้ร็อตไวเลอร์ออกกำลังกายทุกวัน เช่น วิ่งหรือเดิน นอกจากนี้ควรหมั่นแปรงขนเป็นประจำหรืออย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อให้ขนและผิวหนังมีสุขภาพดี ป้องกันขนร่วง พร้อมทั้งกำจัดสิ่งปกรกไปในตัว ทั้งนี้หากเจ้าของต้องการฝึก ควรเริ่มเทรน์ตั้งแต่ช่วงลูกสุนัขจะดีที่สุด
โรคที่ควรระวังของร็อตไวเลอร์
- โรคข้อสะโพกเสื่อม : โรคที่เกิดจากความผิดปกติในการพัฒนาของกระดูกข้อสะโพก ส่งผลให้ข้อมีการเคลื่อนไหวหรือรูปร่างที่ผิดปกติ
- โรคออสติโอคอนไดรติส ดีสซิแคนส์ (Osteochondrosis Dissecans (OCD)) : เกิดจากความผิดปกติของการเจริญเติบโตของกระดูกอ่อน ทำให้กระดูกอ่อนมีความหนาผิดปกติ และส่งผลให้ข้อต่ออักเสบได้
- โรควอนวิลลิแบรนด์ (Von Willebrand Disease) : โรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้า ถอาจมีอันตรายถึงชีวิต หากสุนัขได้รับบาดเจ็บหรือได้รับการผ่าตัด
- โรคเกี่ยวกับดวงตา : เช่น โรคหนังตาม้วน (Entropion) จอประสาทตาเสื่อม และต้อกระจก
- โรคมะเร็งกระดูก : ส่วนใหญ่มักพบในสุนัขที่มีอายุมาก ส่งผลให้เกิดอาการเจ็บขา ขาบวม หรือมีอาการเซื่องซึม
คราวนี้ก็ได้รู้จักร็อตไวเลอร์ไปแล้ว จริง ๆ แล้วหากมีการเลี้ยงดูและฝึกอย่างถูกต้องเหมาะสม ก็เป็นสุนัขที่ไม่ได้อันตราย แถมยังสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายอีกด้วย