ระวัง! 3 โรคผิวหนัง คุกคามกระต่ายน้อย





เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

           ในหมู่คนเลี้ยงกระต่าย จำนวนไม่น้อยต้องกลุ้มอกกลุ้มใจกับปัญหาโรคอ้วน เพราะเผลอ(ใจ)ปรนเปรออาหารมากเกินความจำเป็นจนเสียกระต่ายจากตัวน้อย ๆ กลายเป็นกระต่ายบิ๊กไซส์ บ้างก็ตัวใหญ่กว่าแมว หรือสุนัขบางตัวเสียอีกแน่ะ

           แต่อีกหนึ่งโรคร้ายที่มาเยือนกระต่ายได้ง่าย ๆ ก็คือ โรคผิวหนัง โดยมากมักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ส่งผลให้กระต่ายมีอาการคัน ขนร่วง และอักเสบตามมา อย่างไรก็ตาม 3 โรคผิวหนังในกระต่ายที่พึงระวัง จากการเปิดเผยของสัตวแพทย์ชื่อดัง รศ.ดร.ปานเทพ รัตนากร เนื่องจากพบมากที่สุด มีดังต่อไปนี้


1.  ผิวหนังอักเสบเฉียบพลัน

           โรคผิวหนังชนิดนี้ จะเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า "สตาฟิลโลคอกคัส ออเรียส" หรือ พาสจูเรลล่า มัลโตซิด้า" พบตามผิวหนังบริเวณหัว ลำคอ หรือทรวงอก ซึ่งผิวหนังที่เกิดการอักเสบเฉียบพลัน จะมีลักษณะบวมน้ำ สร้างความเจ็บปวดมาก แต่ก็ยากที่จะรู้ เพราะกระต่ายจะแทบไม่ส่งเสียงเลย

           ส่วนอาการอื่น ๆ ที่พบ คือ ไข้สูง 40-42 องศาเซลเซียส ร่วมกับอาการซึม ไม่กินอาหาร และหากติดเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า พาสจูเรลล่า ก็จะทำให้เกิดสะเก็ดหลุดลอก มีน้ำเมือกชุ่มบริเวณจมูก และใบหน้า

           สำหรับกระต่ายที่มีอาการดังกล่าวข้างต้น ควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจและเพาะเชื้อยืนยัน รวมถึงการให้ยาปฏิชีวนะอย่างแรงจากผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ส่วนเจ้าของก็สามารถช่วยดูแลได้ด้วยการเช็ดตัวเพื่อลดไข้ อย่างไรก็ตาม กระต่ายที่หายป่วยจากผิวหนังอักเสบเฉียบพลัน อาจพบได้ว่าเป็นฝีและเนื้อตายภายหลังได้





2. โรคขนสีฟ้า หรือผิวหนังอักเสบแบบเปียก

           เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย "ซูโดมานาส แอรูจิโนซ่า" พบได้บ่อยในกระต่ายอ้วน น้ำหนักมากเกินขนาด หรือกระต่ายที่ป่วยเป็นโรคฟัน มีน้ำลายไหลมากเป็นพิเศษ รวมไปถึงกระต่ายที่กินน้ำเลอะแฉะอยู่ตลอดเวลา เป็นผลให้ขนและผิวหนังเปียกชื้นอยู่เสมอ ทำให้เจ้าเชื้อแบคทีเรียดังกล่าวเจริญเติบโตได้ดี

           ทั้งนี้ เชื้อแบคทีเรียดังกล่าว จะมีคุณสมบัติพิเศษในการเปลี่ยนสีขนของกระต่ายในบริเวณที่ชื้นแฉะให้กลายเป็นสีออกฟ้า ๆ ซึ่งวิธีการรักษาที่ดีที่สุดคือ การพาไปพบสัตวแพทย์ เพื่อรับยาปฏิชีวนะ และตัดขนออกให้หมด แล้วรักษาความสะอาด ทำให้ตัวแห้งเสมอ
  

3. โรคชมอลล์ (Schmorl’s Disease)

           เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย "ฟิวโซแบคทีเรียมนีโครโฟรัม" ซึ่งแม้จะพบแต่ในอึกระต่าย ก็สามารถทำให้เกิดโรคบนผิวหนังได้ หากกระต่ายเอาผิวที่มีบาดแผลไปเกลือกกลิ้งกับพื้นที่มีอึปนเปื้อนอยู่ หรือเท้าไปเหยียบเอาเศษอึที่มีเชื้อนี้อยู่ แล้วใช้เล็บเการ่างกาย จึงทำให้เกิดการติดเชื้อในที่สุด

           โดยกระต่ายที่ติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ จะมีอาการบวม อักเสบ เป็นฝี สุดท้ายก็เป็นแผลหลุม และเนื้อตายตามมา ส่วนมากพบบริเวณใบหน้า คอ และเท้า ซึ่งวิธีการรักษา ทำได้โดยการรักษาแผล ให้ยาปฏิชีวนะ ผ่าฝี ฯลฯ นอกจากนี้ เจ้าของควรหมั่นดูแลความสะอาดเท้าของกระต่าย ด้วยการล้างเท้าให้บ่อย ๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียร้ายได้อีกทางหนึ่ง

           สำหรับใครที่เลี้ยงกระต่าย อย่าลืมสังเกตอาการต่าง ๆ ของลูกรักตัวน้อยตลอดเวลาว่าเขากำลังถูกโรคผิวหนังคุกคามอยู่หรือไม่ จะได้ทำการรักษาความเจ็บปวดได้ทันท่วงที และมีชีวิตอยู่กับเราไปนาน ๆ นะคะ




 




ขอขอบคุณข้อมูลจาก
baanlalapine.com
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ระวัง! 3 โรคผิวหนัง คุกคามกระต่ายน้อย อัปเดตล่าสุด 21 กันยายน 2566 เวลา 17:57:59 58,046 อ่าน
TOP