สารพันน่ารู้ของ วาฬสีน้ำเงิน สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก



สารพันน่ารู้ของ วาฬสีน้ำเงิน สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก
 
          สัตว์น้ำในโลกนี้มีมากมายนับล้านชนิด แต่สัตว์น้ำที่เป็นสัตว์เลือดอุ่น แถมยังตัวใหญ่ที่สุดในโลกนั้น คงหนีไม่พ้น วาฬ (Whale) นั่นเอง โดยเฉพาะวาฬสายพันธุ์สีน้ำเงิน (Blue Whale) ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่า 100 ตัน หรือประมาณ 1 แสนกิโลกรัม เลยทีเดียว และเพื่อให้ได้รู้จักกับสัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกกันมากขึ้น วันนี้กระปุกดอทคอม จึงรวบรวมข้อมูลของวาฬสีน้ำเงินมาฝากค่ะ

          วาฬสีน้ำเงิน (Blue whale) ถือเป็นสัตว์น้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยทั่วไปมีขนาดลำตัวจะยาวประมาณ 27-29 เมตร แต่ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบคือ 34 เมตร โดยเมื่อโตเต็มที่จะมีน้ำหนักประมาณ 100-200 ตัน แค่เฉพาะลิ้นก็มีน้ำหนักเทียบเท่ากับช้างหนึ่งตัว และหัวใจก็มีขนาดเท่ารถยนต์หนึ่งคัน เราจะพบเห็นวาฬสีน้ำเงินได้ในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้, แอตแลนติก, มหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแอนตาร์กติกา

          วาฬเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในทะเล ซึ่งคนทั่วไปยังเข้าผิดกันอยู่ วาฬ คือ ปลาชนิดหนึ่ง แต่ที่จริงแล้ววาฬไม่ใช่ปลา เนื่องจากเป็นสัตว์เลือดอุ่น ที่ออกลูกเป็นตัว และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ในขณะที่ปลาซึ่งจัดเป็นสัตว์เลือดเย็นจะใช้วิธีวางไข่ เพื่อขยายพันธุ์ ทั้งนี้ วาฬจะตั้งท้องนานประมาณ 1 ปี โดยเฉพาะปลาวาฬสีน้ำเงิน ลูกของมันขนาดแรกคลอด จะมีลำตัวยาวประมาณ 6 เมตร และหนักประมาณ 2 ตัน ทั้งนี้ น้ำนมของปลาวาฬ มีโปรตีนและไขมันสูงถึงร้อยละ 40 ดังนั้น ลูกปลาวาฬจึงเจริญเติบโตอย่างเร็ว

          ส่วนเรื่องอาหารของวาฬนั้น พบว่า วาฬจะกินแพลงก์ตอนเป็นอาหาร โดยในแต่ละวันวาฬสีน้ำเงินที่โตเต็มที่จะกินแพลงตอนถึงวันละ 4 ตัน แต่ขณะเดียวกัน ก็อาจจะกินสัตว์น้ำขนาดเล็กเข้าไปด้วย นอกจากนี้ยังพบว่า วาฬสามารถดำน้ำลงไปหาอาหารได้ถึงระดับความลึกประมาณ 100 เมตร และปกติวาฬจะดำน้ำได้นานราว 20-30 นาที แต่มีบันทึกสูงสุดว่าดำได้นานถึง 36 นาที และพ่นน้ำได้สูงถึง 9 เมตร ด้วย

สารพันน่ารู้ของ วาฬสีน้ำเงิน สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก

          นอกจากนี้ วาฬสีน้ำเงินยังเป็นสัตว์ที่ส่งเสียงร้องได้กว้างไกลที่สุดในโลก โดยเป็นการส่งเสียงในลักษณะของคลื่นเสียงที่มีความหลากหลาย และมีค่าความดังของเสียงอยู่ที่ 188 เดซิเบล ทำให้ได้ยินไปไกลเป็นระยะทางราว 1,600 กิโลเมตร ซึ่งเชื่อกันว่าการส่งเสียงดังกล่าว ไม่ใช่เพื่อการสื่อสารระหว่างฝูงวาฬสีน้ำเงินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่น่าจะเป็นการใช้คลื่นเสียงเพื่อการนำทางใต้ท้องทะเลอีกด้วย

          ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วงศตวรรษที่ 20 วาฬสีน้ำเงินถูกล่าจนเกือบจะสูญพันธุ์ และสาเหตุของการล่าวาฬ ก็คือความต้องการน้ำมันของวาฬ และการล่าเพื่อนำมาเป็นอาหาร ดังนั้น ประมาณกลางทศวรรษ 1960 จึงเริ่มมีการปกป้องวาฬชนิดนี้อย่างจริงจัง และในปี 1986 คณะกรรมการควบคุมการล่าวาฬนานาชาติ (International Whaling Commission) หรือไอดับเบิลยูซี (IWC) ได้สั่งห้ามการล่าวาฬในเชิงพาณิชย์ ทำให้ความต้องการน้ำมันวาฬลดลง

          อย่างไรก็ตาม นักสำรวจคาดว่า ในปัจจุบันยังคงมีวาฬสีน้ำเงินในซีกโลกใต้เหลืออยู่ประมาณ 2,300 ตัว อีกทั้งมีหลักฐานที่คาดว่าจำนวนวาฬสีน้ำเงินยังเพิ่มขึ้นอย่างทรงตัว คือ ประมาณปีละ 7%  แต่ก็ยังถือว่ายังอยู่ในระยะอันตรายที่เสี่ยงจะสูญพันธุ์อยู่ดี

          สำหรับข้อมูลที่นำเสนอไปข้างต้นนี้ น่าจะทำให้รู้จักเจ้าสัตว์น้ำขนาดยักษ์อย่างวาฬสีน้ำเงินมากขึ้นนะคะ อย่าลืมท่องไว้เสมอว่า วาฬ เป็นเลือดสัตว์อุ่น และเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ดังนั้น วาฬจึงไม่ใช่ปลาอย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจ ทีนี้จะได้ไม่เรียกผิดเรียกถูกอีกต่อไปนะจ๊ะ



หมายเหตุ : แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 ธันวาคม 2555



ขอขอบคุณข้อมูลจาก



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สารพันน่ารู้ของ วาฬสีน้ำเงิน สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก อัปเดตล่าสุด 11 ธันวาคม 2555 เวลา 09:06:53 25,263 อ่าน
TOP
x close