เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก weirdworldnews.org
เว็บไซต์เดลิเมลของอังกฤษ รายงานว่า หนุ่มบราซิลสุดช็อก พบลูกแมวติดอยู่ในเครื่องยนต์ หลังรถสตาร์ทไม่ติด เคราะห์ดีที่สังหรณ์ใจลองเปิดฝากระโปรงรถดู ก่อนรีบพาไปให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงช่วยเอาเจ้าเหมียวออกมาได้
ตามรายงานระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ณ เมืองริโอ แวร์ด ประเทศบราซิล เมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งขับรถยนต์ของตัวเองเดินทางออกไปข้างนอก จนเมื่อขับไปได้สักพักใหญ่ จู่ ๆ รถก็มีปัญหา เพราะพยายามเร่งเครื่องยังไงก็เร่งไม่ขึ้น จึงตัดสินใจหยุดรถ และเปิดฝากระโปรงรถ เพื่อเช็คเครื่องยนต์ดูว่ามีอะไรเสียหรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้รถก็ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ
แต่แล้ว ทันทีที่เขาเปิดฝากระโปรงรถขึ้นมา กลับต้องพบกับภาพที่ทำให้เขาต้องตกตะลึงแบบสุด ๆ เมื่อพบลูกแมวตัวหนึ่งติดอยู่ในท่ออากาศเครื่องยนต์ ในสภาพน่าหดหู่เป็นอย่างยิ่ง โดยหัวของมันโผล่พ้นท่อออกมาพร้อมกับขาข้างหนึ่ง แต่ไม่สามารถขยับไปไหนมาไหนได้ วินาทีนั้นเขาสันนิษฐานว่าเจ้าเหมียวน่าจะตายไปแล้ว เพราะมันดูแน่นิ่ง ไม่ร้องหรือไม่พยายามขยับร่างกายแม้แต่นิดเดียว เขาจึงตัดสินใจขับรถต่อไปที่อู่ซ่อมรถที่ใกล้ที่สุด เพื่อให้ช่างนำร่างของแมวออกมาจากเครื่องยนต์
จากนั้นช่างซ่อมรถกำลังจะถอดเครื่องยนต์ออกมาดู ปรากฏว่าเจ้าเหมียวยังมีชีวิตอยู่!! ช่างซ่อมรถเลยตัดสินใจแยกเอาชิ้นส่วนตรงบริเวณที่มันติดอยู่ออกมาจากรถ ก่อนจะรีบพามันไปที่สถานีดับเพลิง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยมันออกมา
เมื่อเดินทางไปถึงสถานีดับเพลิงแล้ว เจ้าหน้าที่ก็รีบนำเลื่อยมาค่อย ๆ ตัดท่อออกอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้โดนตัวเจ้าเหมียว จนในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็นำร่างของมันออกมาจากท่อได้สำเร็จ อย่างไรก็ดี มันอยู่ในสภาพที่อิดโรยมาก เนื่องจากติดอยู่ในท่อมาเป็นเวลานานหลายชั่วโมง ทางเจ้าหน้าที่จึงรีบพามันไปตรวจร่างกายที่ศูนย์อนุรักษ์สัตว์ท้องถิ่นทันที
ทั้งนี้นายแคนดิโด้ เคิลเบอร์ ผู้บังคับบัญชาของสถานีดับเพลิงในท้องถิ่น กล่าวว่า ลูกแมวตัวนี้คงรู้สึกหนาว จากสภาพอากาศที่เย็นจัด เลยปีนขึ้นไปซุกตัวอยู่ในท่ออากาศรถเพื่อหาความอบอุ่น แต่เมื่อคนขับรถสตาร์ทเครื่องยนต์ ตัวมันก็เลยถูกดูดเข้าไปภายในท่อจนไม่สามารถดิ้นหลุดออกมาได้
อย่างไรก็ดี ขณะนี้เจ้าแมวเก้าชีวิตวัย 2 เดือนตัวดังกล่าว ปลอดภัยดีแล้ว และกำลังรอผู้ใจบุญติดต่อมาขอรับไปเลี้ยงอยู่ ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานคงมีคนมาขอรับไปเลี้ยงอย่างแน่นอน หลังจากข่าวได้เผยแพร่ออกไป