แชร์ประสบการณ์ของการเลี้ยงแมวพันธุ์โซมาลี แมวที่มีนิสัยเหมือนหมา แม้แต่คนที่รักหมาและไม่ค่อยชอบแมวมาก่อน ยังต้องปันใจให้ แถมท้ายด้วยเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของการรับเลี้ยงแมวในญี่ปุ่น
สำหรับคนที่ชอบหมาหรือแมวชนิดใดชนิดหนึ่ง ถ้าจะให้เปลี่ยนมาอาศัยอยู่กับสัตว์เลี้ยงที่ตนไม่ค่อยคุ้นเคยอาจจะปวดหัวกันไปบ้าง คุณ KuS สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ก็เคยอยู่ในสถานการณ์นี้เช่นเดียวกัน จากคนที่โตมากับหมาแต่ต้องจับผลัดจับผลูมาอยู่กับแมว แถมยังอยู่เป็นต่างประเทศที่ไกลบ้านไกลเมือง แต่งานนี้กลับพลิกผันแบบผิดคาด เพราะเจ้าแมวพันธุ์โซมาลี (Somali) ที่รับมาเลี้ยงนั้น มีนิสัยเหมือนกับเจ้าตูบสุด ๆ ทำเอาคนที่รักหมาและโตมากับหมาหลงรักเจ้าแมวตัวนี้เข้าเต็มเปา แถมยังมีความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับการรับเลี้ยงแมวในญี่ปุ่นมาฝากอีกด้วย
ขอเกริ่นก่อนนิดนึงว่าเจ้าของกระทู้อาศัยอยู่ญี่ปุ่น ตอนใช้ชีวิตอยู่ที่ไทยเติบโตมากับหมาตั้งแต่เกิด ชีวิตเคยจับพลัดจับผลู ต้องมาอยู่ชายคาเดียวกับแมวมา 2 ตัวและเป็นประสบการณ์ที่ไม่ค่อยจะโอเคทั้งคู่ เจ้าของกระทู้ก็เคยคิดเหมือนกับคนรักหมาส่วนใหญ่ก็คือ แมวมันเรียกแล้วไม่มา ไม่เห็นจะน่ารักตรงไหน พูดด้วยก็ไม่รู้เรื่องทำเมิน แต่หนึ่งเดือนที่ผ่านมาเจ้าของกระทู้มีโอกาสไปรับเจ้าแมวโซมาลีมาเลี้ยงด้วยความบังเอิญ แล้วก็มาแพ้ทางให้แมวพันธุ์นี้ แมวที่คนญี่ปุ่นหลายคนบอกว่ามันเป็น "แมวที่มีนิสัยเหมือนหมา" เพราะฉะนั้นเลยอยากมาแชร์ให้คนไทยรู้จักกับแมวโซมาลีกันมากขึ้นค่ะ
ต้นกำเนิดพันธุ์ของแมวโซมาลีมาจากแถวแคนาดา ที่คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า เป็นอะบิสซิเนียนขนยาว มีเอกลักษณ์เด่น ๆ คือ หางเป็นพวงคล้ายหางกระรอกกับแผงคอฟูฟ่อง จริง ๆ ก่อนเจ้าของกระทู้จะไปรับมาเลี้ยง ไม่เคยรู้ข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับแมวพันธุ์นี้มาก่อนเลย เรียกได้ว่าได้มาแบบฟลุคสุด ๆ
ส่วนแมวโซมาลีที่เจ้าของกระทู้ได้มา มีขนค่อนข้างสั้นกว่าพันธุ์โซมาลีทั่วไป ช่วงแรกที่รับมาเลี้ยงเราก็คิดว่า แมวเราทำไมมันมีนิสัยเหมือนหมาแบบนี้ แล้วยังมีนิสัยประหลาด ๆ อีกหลายอย่าง เลยเริ่มค้นหาข้อมูลเป็นภาษาญี่ปุ่นที่พอรวบรวมได้ว่า แมวพันธุ์นี้จะมีนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์หลายอย่าง เช่น
- แมวพันธุ์นี้ชอบที่สูง ชอบเล่นมากถึงมากที่สุด เรียกว่าวันนึงเราต้องเล่นด้วย 2-3 ชั่วโมง
- แมวพันธุ์นี้นอนน้อยมาก น้อยเสียจนเราคิดว่ามันเครียดหรือเปล่าในช่วงแรกที่ย้ายบ้านมา เลยไม่ยอมนอนสักที แต่พออ่าน ๆ ดูแล้วก็พบว่าแมวพันธุ์นี้จะแอ็คทีฟมากและนอนน้อยกว่าแมวทั่วไป และแมวของเจ้าของกระทู้ตอนนี้อายุ 3 ปีแล้ว แต่ก็ยังเล่นหนักเล่นโหดราวกับแมวเด็ก
- แมวพันธุ์นี้ติดคนมาก เจ้าของกระทู้เคยคิดว่า แมวจะชอบที่เงียบ ๆ และปลีกวิเวกอยู่ตัวเดียวมากกว่า แต่ผิดกับแมวตัวนี้เลย เรียกได้ว่ามันต้องมาอยู่ใกล้ ๆ ตลอด ลืมตาตื่นมาทีไรก็ต้องเห็นมันอยู่ใกล้ ๆ ตลอด และไม่ได้เป็นอย่างนี้แต่เฉพาะกับเจ้าของ ถ้ามีแขกมาบ้าน มันก็ยังจะมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ ๆ อยู่ดี
- แมวพันธุ์นี้อยากรู้อยากเห็นมาก ในเว็บไซต์ต่างประเทศบอกว่าเป็นปกติที่แมวตัวนี้จะกระโดดขึ้นบนโต๊ะกินข้าว ไม่ใช่เพื่อจะกิน แต่อยากรู้ว่าคุณกินอะไร ไม่ว่าคุณจะทำอะไรมันก็จะคอยมองตาม อยากรู้ไปเสียทุกเรื่อง ตั้งแต่มีโซมาลีมาอยู่ ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนในบ้าน ก็จะคอยเดินตามตลอด
- แมวพันธุ์นี้เซนซิทีฟมากคือ จะขี้ตกใจมากไม่ว่าจะมาในรูปแบบของเสียง กลิ่น หรือสี เพราะฉะนั้นในขณะที่มันมีมุมที่ร่าเริงมาก แต่ก็จะตกใจง่าย ขี้กลัว ซึ่งเรื่องนี้มันเป็นปัญหามาก ตอนย้ายมันมาอยู่ด้วยใหม่ ๆ เพราะมันตกใจกับเสียงและกลิ่นรอบตัวไปหมด เหมือนพอจะปรับตัวได้ แต่ถ้ามีเสียงที่ทำให้ตกใจอีกก็จะกลัวอีก เล่นเอาเหนื่อยเลยในช่วงแรก ซึ่งเจ้าของกระทู้พบว่า ในหลายเว็บไซต์บอกว่า แมวพันธุ์นี้มี 2 บุคลิกเพราะความเซนซิทีฟ เลยทำให้บางทีมันเล่นอยู่ดี ๆ แต่พอตกใจมากก็จะไปหลบอยู่มุมห้อง บางเว็บไซต์เขียนว่าเพราะการที่โซมาลีขี้กลัวแบบนี้ เลยไม่ชอบอยู่ไกล ๆ จากเจ้าของ เพราะจะรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย
- ขอพูดถึงเรื่องติดคนอีกครั้ง ตรงนี้มันเป็นจุดขายของแมวพันธุ์นี้เลยที่ทำให้คนชอบหมาต้องแพ้ทาง เพราะสิ่งหนึ่งที่คนชอบหมาไม่ชอบแมว คือแมวมันสื่อสารด้วยไม่ได้ แต่กับแมวพันธุ์นี้ในเว็บญี่ปุ่นบอกว่า โซมาลีสามารถสื่อสารกับคนได้ดีพอ ๆ กับหมา อย่างเช่น หันมาหาตอนเรียกชื่อ เล่นเกมปาลูกบอลก็ได้ เล่นเกมซ่อนอาหารตามจุดต่าง ๆ แล้วให้มันหาก็ได้ ใช้เสียงอื่น ๆ เรียกเพื่อเป็นการเทรนนิ่งให้มันทำตามคำสั่ง ก็ทำตามได้ค่ะ
- แต่ที่เจ้าของกระทู้รักที่สุดคือ เวลาที่ออกจากบ้าน มันจะมายืนส่งทุกครั้ง และเวลาเปิดประตูบ้านก็จะมายืนรอรับทุกครั้ง มันเป็นสิ่งที่เจ้าของกระทู้โหยหามาก ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ต่างประเทศตัวคนเดียว เจ้าของกระทู้เกลียดความรู้สึกที่เปิดประตูบ้านแล้วเกิดเสียงชิ้ง แล้วความเงียบก็ก่อตัวขึ้นมา แต่ตั้งแต่มีแมวปัญหานี้ก็หมดไป ถึงแม้โซมาลีจะไม่ได้เห่าเหมือนหมา แต่แมวก็จะเข้ามาใกล้ ๆ แล้วยืดขายาว ๆ ออกมาสัมผัสกับขาเราค่ะ
- ถ้าใครเคยเลี้ยงเจ้าแมวพันธุ์นี้ ลองมาแชร์ประสบการณ์กันนะคะ
- ป.ล. แมวเจ้าของกระทู้นอนเหมือนหมาด้วยค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
อยากมาแชร์ประสบการณ์การไปรับแมวมาเลี้ยงในญี่ปุ่นด้วยค่ะ
อย่างที่หลายคนอาจจะทราบ การซื้อหมา-แมวจากร้านขายสัตว์เลี้ยงในญี่ปุ่นมีราคาสูงมาก อย่างเช่นแมวเจ้าของกระทู้ตัวนี้ถ้าซื้อกันจริง ๆ คงมีราคาตั้งแต่ 1-2 แสนเยน ซึ่งหมาแมวในญี่ปุ่นก็จะตกอยู่ที่ราคานี้กันเกือบหมด บางทีก็ไปเกือบ 3 แสนเยนเลยถ้าเป็นพันธุ์ดี ๆ ไม่มีตำหนิ เจ้าของกระทู้เลยเริ่มหาข้อมูลว่าถ้าเราต้องการหาแมวมาเลี้ยงจะมีหนทางใดได้บ้าง
หลัก ๆ เลยคนที่เป็นฝ่ายหาเจ้าของใหม่จะมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ
1. เจ้าของที่เป็นส่วนบุคคล
2. เจ้าของที่เป็นกลุ่มองค์กรช่วยเหลือสัตว์
ตอนแรกเจ้าของกระทู้เริ่มหาจากในเว็บก่อน ซึ่งคนมาโพสต์ก็จะมีทั้ง 2 กลุ่ม หลัก ๆ แล้ว ถ้าเป็นเจ้าของส่วนบุคคล มักจะให้โดยที่เราไม่เสียเงินสักเยน และมักจะเป็นแมวพันธุ์ดี เพราะอย่างที่ทราบดีว่า คนญี่ปุ่นจะเลี้ยงสัตว์ราวกับลูก ส่วนใหญ่ก็จะไปหาซื้อมาจากร้านขาย มีเพดดิกรีติดตัวกันมาทุกตัว แต่แมวพันธุ์ดีส่วนใหญ่ที่มาประกาศหาเจ้าของใหม่จะเป็นที่หมายปองมาก และเจ้าของกระทู้ก็โดนปฏิเสธมาหลายครั้งจนเกือบจะถอดใจ เหตุผลหลัก ๆ ที่โดนปฏิเสธ คือเขากังวลว่าเราจะอยู่ญี่ปุ่นตลอดไปหรือไม่ มีโอกาสจะทิ้งแมวเขาไหม ถ้าต้องย้ายไปประเทศไหน ๆ อีก แต่ในที่สุดก็ได้แมวตัวนี้มาแบบฟลุค ๆ เพราะเจ้าของเก่าอยู่บ้านใกล้กับเจ้าของกระทู้มาก ใกล้ชนิดที่ว่าขับรถไม่เกิน 10 นาที และนี่น่าจะเป็นเหตุผลหลักที่เขาเลือกเจ้าของกระทู้
3 เหตุผลหลัก ๆ ที่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะต้องหาคนมารับเลี้ยงต่อก็คือ
1. เกิดอาการแพ้ขนแมวขึ้นมา เรียกได้ว่าเป็นเหตุผลยอดนิยมเลย แต่ตั้งแต่เจ้าของกระทู้มาอยู่ญี่ปุ่น ก็พอจะสังเกตได้ว่าคนญี่ปุ่นแพ้นู่นแพ้นี่เต็มไปหมด เช่น แพ้เกสรละอองดอกไม้ นี่ก็เป็นกันค่อนประเทศ
2. คนเลี้ยงเกิดป่วยหรือไม่ก็ตาย อย่างที่เห็นว่าสังคมญี่ปุ่นกลายเป็นสังคมคนชราโดยสมบูรณ์ไปแล้ว เพราะเหตุนี้เจ้าของกระทู้เลยเห็นเหตุผลนี้บ่อยมาก
3. อาศัยอยู่สถานที่ที่ไม่อนุญาตให้เลี้ยงแมว เพราะคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในห้องไม่ว่าจะเป็นแมนชั่นหรืออพาร์ตเมนต์ ไม่ใช่บ้าน ซึ่งห้องเช่าพวกนี้เกินครึ่งก็จะไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์
กลับมาเล่าต่อ เรื่องการรับแมวมาเลี้ยงจากกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ค่ะ ส่วนตัวคิดว่ากลุ่มนี้จะมีขั้นตอนที่ค่อนข้างจะยุ่งยากกว่าและแมวที่มาประกาศเป็นแมวจรจัดที่ทางกลุ่มไปช่วยเหลือมา บางตัวก็มาจากข้างถนนจริง ๆ บางตัวก็มาจากสำนักงานเมืองที่เขาเตรียมจะเอามันไปฆ่า
ส่วนใหญ่โพสต์ของแมวจากกลุ่มช่วยเหลือสัตว์ มักจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 2-4 หมื่นเยน เจ้าของกระทู้เข้าใจว่าทางกลุ่มต้องการจะเอาไปเป็นค่าทำหมันโดยหลัก และที่เหลือก็คงเป็นเงินบริจาคสำหรับแมวในศูนย์พักพิงต่อไป
ขั้นตอนของการรับแมวมาเลี้ยงจากศูนย์ก็คือ ถ้าเราเห็นแมวถูกใจจากเว็บ ส่วนใหญ่ศูนย์จะขอให้เราเข้ามาดูตัวจริงที่ศูนย์ เพื่อคุยกันและแนะนำวิธีการเลี้ยง หลังจากนั้นก็จะทำสัญญา แล้วศูนย์ก็จะเอาแมวไปทำหมัน ตรวจเลือด (ในกรณีที่เป็นแมวจรและยังไม่เคยได้ทำ) แล้วพอทุกอย่างพร้อมส่งมอบ ศูนย์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นฝ่ายมาส่งเองที่บ้าน เพื่อขอดูบ้านแล้วก็จ่ายเงินไป เป็นการจบขั้นตอน ที่เหลือก็ต้องรายงานศูนย์เป็นระยะ หรือถ้าเรารับลูกแมวมาเลี้ยง พอได้เวลา ศูนย์ก็จะมารับกลับเพื่อขออนุญาตพาไปทำหมัน
ที่เจ้าของกระทู้รู้รายละเอียดทั้งสองอย่างก็เพราะว่าเจ้าของกระทู้สมัครรับเลี้ยงไปทั้ง 2 ทาง แต่โชคร้ายว่าแมวจากศูนย์ที่เลือกไว้ เป็นแมวโตตัวผู้ คงใช้ชีวิตโลดโผนเผชิญยุทธจักรมาก่อน พอพาไปทำหมัน เลยเพิ่งรู้ว่าเป็นเอดส์แมว เจ้าของกระทู้เลยจำใจปฏิเสธไป เพราะเราไม่พร้อมหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องภาษาและการเงิน ต่อมาเจ้าของกระทู้ก็สมัครรับลูกแมวไปอีกตัว คราวนี้ก็ปรากฏว่าเหมือนลูกแมวจะเป็นลูคีเมียแฝง คือจะเป็นหรือเป็นไม่รู้ยังตอบไม่ได้ เลยต้องรอตรวจซ้ำอีกครั้งหนึ่งค่ะ และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดของการรับแมวมาเลี้ยงในญี่ปุ่นค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ KuS สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม