เปิดเหตุผลที่คนไทยไม่ควรบี้เห็บหมา ไม่ใช่เพราะยิ่งบี้ยิ่งแพร่พันธุ์ เข้าใจผิดมาตลอด


          เปิดเหตุผลที่คนไทย ไม่ควรบี้เห็บหมา หลังจากจับมันได้ ไม่ใช่เป็นเพราะจะแพร่พันธุ์เพิ่ม แต่เป็นเพราะเรื่องความสะอาด มีเชื้อโรคเยอะ

เห็บหมา

           หนึ่งในนิสัยของคนเลี้ยงหมา เวลาที่เอาเห็บหมาออกมาจากตัวน้อง นั่นก็คือ การเอาเห็บหมามาบี้ให้ตาย ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ เป็นสิ่งที่มีคนเตือนว่า ห้ามทำโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้ไข่มันหลุดออกมา แล้วเห็บหมาแพร่พันธุ์ไวกว่าเดิม เดือดร้อนคนมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ความเชื่อเหล่านี้อาจเป็นสิ่งที่เข้าใจผิด

           ล่าสุด วันที่ 28 เมษายน 2565 เฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ของนายเจษฎา เด่นดวงบริพันธุ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการโพสต์ถึงเรื่องนี้ว่า สาเหตุที่ห้ามบี้เห็บหมา เพราะมันมีไข่ และจะขยายตัวเติบโตขึ้นมาอีก เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง แต่สาเหตุที่ห้ามบี้เห็บหมาหลังจากเก็บออกมาจากตัวสุนัข เพราะว่า มันสกปรก มีเชื้อโรค รวมถึงเมื่อเห็บหมาโดนบี้จนแตก โอกาสแทบฟักเป็นตัวก็ไม่มี

           นอกจากนี้ นายเจษฎา อธิบายเพิ่มเติมว่า เห็บที่พบในไทย มักจะเป็นสปีชีส์ Rhipicephalus sanguineus หรือ เห็บสุนัขสีน้ำตาล ที่มักกินเลือดเป็นอาหาร อาศัยอยู่บนตัวสุนัขเป็นหลัก แต่ก็กัดสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นและคนได้เช่นกัน

           ถ้าสุนัขเกิดติดเห็บ โดนเห็บกัด และเห็บตัวนั้นมีเชื้อโรคที่มากพอ สามารถทำให้สุนัขป่วยเป็นโรคที่นำโดยเห็บได้ และคนก็สามารถติดโรคจากเห็บได้เช่นกัน

สุนัขกับคน มีโอกาสเกิดโรคอะไรได้บ้าง


          โรคสุนัขที่เกิดจากเห็บที่สำคัญ ได้แก่ โรคพยาธิเม็ดเลือด ที่ทำให้เกิดอาการซึม ไม่กินอาหาร เยื่อเมือก เช่น เหงือกมีสีซีดจากภาวะโลหิตจาง ปัสสาวะเป็นสีน้ำตาลจากเม็ดเลือดแดงที่ถูกทำลาย ถ้าร้ายแรงกว่านั้นก็คือ อาการทางระบบประสาท ภาวะไตวายเฉียบพลัน จนถึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ตายได้

          ส่วนคนที่เป็นโรคนำโดยเห็บ ได้แก่ โรคลายม์ โรคไข้เห็บ โรคทูลาริเมีย ซึ่งคนที่ถูกกัดนั้นมักมีอาการที่ผิวหนังเช่น จุดเลือด แดง คัน ส่วนมากมักเป็นอาการเฉพาะที่ ถ้าถูกเห็บกัดแล้วมีอาการแพ้ ก็จะมีผื่นขึ้น เป็นแผลพุพอง หรือถึงขั้นหายใจติดขัดในกรณีที่มีอาการแพ้รุนแรงได้

เห็บหมา

ธรรมชาติของเห็บกับการฟักไข่


          เห็บสุนัขสีน้ำตาล จะมีวงจรชีวิตคือ เริ่มจากการเป็นไข่ แล้วฟักเป็นตัวอ่อน จากนั้นไปกินเลือดบนตัวสุนัข 5-15 วัน แล้วก็กระโดดออกมาเติบโตลอกคราบในสิ่งแวดล้อม จนกลายเป็นตัวอ่อนแบบนิมฟ์ แล้วก็กลับไปกินเลือดบนตัวสุนัขต่ออีก 3-13 วัน แล้วก็กระโดดลงมาลอกคราบในสิ่งแวดล้อม จนกลายเป็นตัวโตเต็มวัย

          เมื่อเข้าสู่วัยนี้ เห็บตัวเมียและตัวผู้สามารถผสมพันธุ์กันได้บนหลังสุนัข เมื่อเห็บตัวเมียกินเลือดจนอิ่ม ก็จะลงจากตัวสุนัขไปวางไข่ในสิ่งแวดล้อม ใช้เวลา 15-18 วัน สามารถวางไข่ได้ประมาณ 4,000 ฟอง จากนั้นเห็บตัวแม่ก็จะแห้งตาย ส่วนไข่ของเห็บจะถูกปกป้องด้วยของเหลวคล้ายขี้ผึ้ง ใช้เวลาประมาณ 6-23 วันถึงฟักเป็นตัวอ่อน

          จากข้อมูลดังกล่าว ฉะนั้นการบี้เห็บแล้วจะมีการแพร่พันธุ์เพิ่มยิ่งเป็นไปได้น้อย เพราะเห็บจะต้องลงมาจากตัวสุนัขก่อน หรือถ้าบี้เห็บตัวเมียที่มีไข่ในท้องจริง ๆ ปกติจะต้องมีของเหลวคล้ายขี้ผึ้งปกป้อง แต่ถ้าบี้เห็บไปแล้ว ก็จะไม่มีสารเหล่านี้คอยปกป้องอีก ไข่ก็ไม่สามารถฟักตัวได้

          ฉะนั้น จากเรื่องราวที่อ่านไปทั้งหมด จึงสามารถสรุปได้ว่า การบี้เห็บ จะทำให้เกิดความสกปรก และอาจแพร่กระจายเชื้อโรคที่อยู่ในตัวเห็บ โดยเฉพาะเชื้อโรคหลายชนิดที่เจริญอยู่ในต่อมน้ำลายของเห็บ แต่ถ้าหากต้องการกำจัดจริง ๆ วิธีทำได้ง่าย ๆ คือ แค่หย่อนเห็บในขวดที่ใส่น้ำเปล่าแล้วปิดฝา เห็บเหล่านี้ก็จะตาย


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดเหตุผลที่คนไทยไม่ควรบี้เห็บหมา ไม่ใช่เพราะยิ่งบี้ยิ่งแพร่พันธุ์ เข้าใจผิดมาตลอด อัปเดตล่าสุด 28 เมษายน 2565 เวลา 10:51:22 66,056 อ่าน
TOP
x close