เปิดโลกสุนัข ชิบะ หรือ ชิบะ อินุ (Shiba Inu) หมานักล่าตัวน้อยจากแดนปลาดิบ พร้อมข้อมูลน่ารู้สำหรับผู้ที่คิดจะเลี้ยง
หากพูดถึงน้องหมาจากประเทศญี่ปุ่น เชื่อว่าเกือบทุกคนต้องนึกถึง ชิบะ อินุ กันแน่นอน ก็แหม น้องหมาสายพันธุ์นี้ทั้งฉลาด น่ารัก และน่าเอ็นดู อีกทั้งยังเป็นที่นิยมในหลายประเทศ รวมถึงในไทยเราด้วย อ๊ะ ๆ ๆ ว่าแต่ทุกคนรู้จักสุนัขพันธุ์นี้ดีแค่ไหน นอกจากความซื่อสัตย์และความกล้าหาญแล้ว รู้ไหมคะว่ามันมีลักษณะอย่างไร นิสัยเป็นแบบไหน ต้องเลี้ยงดูอย่างไร และมีที่มาที่ไปจากไหนบ้าง ฮั่นแน่ ชักเริ่มจะสงสัยกันแล้วล่ะสิ ถ้างั้นอย่ามัวรอช้า ตามมาเช็กข้อมูลของสุนัขพันธุ์ชิบะ อินุ ที่กระปุกดอทคอมนำมาฝากกันเลยดีกว่า
ประวัติของสุนัขพันธุ์ชิบะ
ชิบะ อินุ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นสายพันธุ์ที่มีขนาดเล็กที่สุด และน่าจะเก่าแก่มากที่สุด ทั้งนี้ไม่มีหลักฐานระบุแน่ชัดว่าเริ่มตั้งแต่สมัยใด แต่คาดว่าน่าจะใช้เป็นสุนัขล่าสัตว์มาตั้งแต่สมัย 300 ปีก่อนคริสต์ศักราช
ว่ากันว่าที่มาที่ไปของชื่อ ชิบะ อินุ มีมาจากหลายสาเหตุ บ้างเชื่อว่าคำว่า ชิบะ ในอดีตหมายถึง ขนาดเล็ก ตามขนาดตัวของสุนัขสายพันธุ์นี้ แต่บ้างเชื่อว่าหมายถึง พุ่มไม้หนา ซึ่งสื่อถึงพุ่มไม้สีแดงในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับขนและตัวของชิบะ
อย่างไรก็ตาม สุนัขพันธุ์ชิบะ อินุ เกือบสูญพันธุ์ไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากหลายตัวล้มตายจากระเบิด และหลายตัวได้รับเอฟเฟกต์มา อีกทั้งในปี ค.ศ. 1952 ก็เกือบหายไปจากญี่ปุ่นอีกครั้งเพราะไวรัสหัดสุนัขระบาด แต่สุดท้ายก็รอดมาได้ เพราะมีคนนำสายพันธุ์มาพัฒนา จนทำให้มีลักษณะอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน
ประวัติของสุนัขพันธุ์ชิบะ
ชิบะ อินุ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นสายพันธุ์ที่มีขนาดเล็กที่สุด และน่าจะเก่าแก่มากที่สุด ทั้งนี้ไม่มีหลักฐานระบุแน่ชัดว่าเริ่มตั้งแต่สมัยใด แต่คาดว่าน่าจะใช้เป็นสุนัขล่าสัตว์มาตั้งแต่สมัย 300 ปีก่อนคริสต์ศักราช
ว่ากันว่าที่มาที่ไปของชื่อ ชิบะ อินุ มีมาจากหลายสาเหตุ บ้างเชื่อว่าคำว่า ชิบะ ในอดีตหมายถึง ขนาดเล็ก ตามขนาดตัวของสุนัขสายพันธุ์นี้ แต่บ้างเชื่อว่าหมายถึง พุ่มไม้หนา ซึ่งสื่อถึงพุ่มไม้สีแดงในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับขนและตัวของชิบะ
อย่างไรก็ตาม สุนัขพันธุ์ชิบะ อินุ เกือบสูญพันธุ์ไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากหลายตัวล้มตายจากระเบิด และหลายตัวได้รับเอฟเฟกต์มา อีกทั้งในปี ค.ศ. 1952 ก็เกือบหายไปจากญี่ปุ่นอีกครั้งเพราะไวรัสหัดสุนัขระบาด แต่สุดท้ายก็รอดมาได้ เพราะมีคนนำสายพันธุ์มาพัฒนา จนทำให้มีลักษณะอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน
ลักษณะของสุนัขพันธุ์ชิบะ
สุนัขพันธุ์ชิบะ อินุ เป็นสุนัขที่มีขนาดเล็กถึงกลาง เพศผู้สูงประมาณ 36-41 เซนติเมตร หนักประมาณ 10 กิโลกรัม ส่วนเพศเมียสูงประมาณ 34-39 เซนติเมตร หนักประมาณ 7 กิโลกรัม โครงหน้าคล้ายสุนัขจิ้งจอก มีขนหนา 2 ชั้น ขนชั้นนอกแข็งและตรง ขนชั้นในหนาและนุ่ม ผลัดขนตลอดทั้งปี ขนมีสีส้มแดงหรือสีดำเกือบทั้งตัว ยกเว้นบริเวณหน้าท้องที่มีสีขาวถึงสีครีม ตาเป็นทรงสามเหลี่ยม ม่านตาสีน้ำตาล ขอบตาสีดำ โตเต็มวัยเมื่ออายุ 12 เดือน และเข้าสู่ช่วงสูงวัยเมื่ออายุ 7 ปี
นิสัยของสุนัขพันธุ์ชิบะ
นิสัยที่โดดเด่นของสุนัขพันธุ์ชิบะ อินุ คือ ความกล้าหาญ กระตือรือร้น ซื่อสัตย์ รักอิสระ เพราะสุนัขพันธุ์นี้มักจะมีชีวิตชีวาเมื่ออยู่นอกบ้าน และสงบเรียบร้อยเมื่ออยู่ในบ้าน ชอบวิ่งเล่น ทำกิจกรรม และผจญภัยมาก อีกทั้งชิบะบางตัวยังมีความมั่นใจสูง มีความคิดเป็นของตัวเอง และไม่ชอบถูกควบคุม แต่ถึงอย่างนั้นหมาชิบะก็รักเจ้าของมากที่สุด แถมยังหวงข้าวของมาก จนทำให้เข้ากับคนแปลกหน้าและสัตว์ตัวอื่นได้ไม่ดีเท่าไร รวมถึงชอบไล่ล่าสัตว์ตัวเล็กด้วย
อีกทั้งแม้ชิบะจะเป็นสุนัขฉลาด แต่ก็แอบดื้อนิด ๆ และเอาแต่ใจหน่อย ๆ ไม่ค่อยมาหาเวลาเรียก แต่จะมาหาเมื่ออยากมา ฉะนั้นการฝึกจึงไม่เหมือนสุนัขพันธุ์อื่น แต่ทั้งนี้นิสัยของสุนัขชิบะ ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น กรรมพันธุ์และการเลี้ยงดู ดังนั้นถ้าหากเจ้าของอยากให้เขาน่ารัก เข้าสังคมได้ ก็ต้องพยายามฝึกตั้งแต่เด็กนั่นเอง
การเลี้ยงสุนัขพันธุ์ชิบะ
เพราะสุนัขพันธุ์ชิบะ อินุ มีนิสัยค่อนข้างกระตือรือร้น ดังนั้นจึงเหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่กว้างขวางมากพอให้เขาวิ่งเล่นได้อย่างสะดวก ที่สำคัญเจ้าของต้องพาสุนัขพันธุ์นี้ออกกำลังกาย เล่นเกม และหากิจกรรมให้ทำสม่ำเสมอทุกวัน ส่วนเรื่องอาหาร สุนัขพันธุ์ชิบะ อินุ เหมาะกับอาหารแบบแห้งที่มีคุณภาพสูง โดยปริมาณที่แนะนำต่อวัน คือ ½ ถึง 1/5 ถ้วย ควรแบ่งออกเป็นสองมื้อ แล้ววัดให้มีปริมาณเท่ากัน อย่างไรก็ตามปริมาณอาหารของสุนัขควรวัดจากขนาด อายุ การเผาผลาญ และการทำกิจกรรมของสุนัขแต่ละตัวจะดีที่สุด รวมถึงควรเช็กน้ำหนักของสุนัขเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้อ้วนหรือผอมเกินไปด้วย
นอกจากนี้เจ้าของควรฝึกให้สุนัขเข้าสังคมตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อช่วยให้เขาคุ้นชินกับคนและสัตว์เลี้ยงตัวอื่น เนื่องจากพวกเขามักจะระแวงคนแปลกหน้ามากเป็นพิเศษ จนอาจมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงได้ ยิ่งไปกว่านั้นตามสัญชาตญาณ สุนัขพันธุ์ชิบะ มักจะไล่จับสัตว์ตัวเล็ก เช่น แมวหรือกระรอกที่วิ่งผ่านเสมอ ฉะนั้นเจ้าของต้องใส่เชือกจูงทุกครั้งที่พาออกไปข้างนอก เพื่อช่วยป้องกันอุบัติเหตุและอันตราย ทว่าความจริงแล้วสุนัขพันธุ์นี้ไม่ชอบถูกควบคุมสักเท่าไร พวกเขาจึงไม่ค่อยยอมใส่ปลอกคอหรือสายจูง นี่จึงเป็นอีกหนึ่งหน้าที่สำคัญของเจ้าของที่ต้องคอยฝึกฝนพวกเขา
สุนัขพันธุ์ชิบะ อินุ เป็นสุนัขที่มีขนาดเล็กถึงกลาง เพศผู้สูงประมาณ 36-41 เซนติเมตร หนักประมาณ 10 กิโลกรัม ส่วนเพศเมียสูงประมาณ 34-39 เซนติเมตร หนักประมาณ 7 กิโลกรัม โครงหน้าคล้ายสุนัขจิ้งจอก มีขนหนา 2 ชั้น ขนชั้นนอกแข็งและตรง ขนชั้นในหนาและนุ่ม ผลัดขนตลอดทั้งปี ขนมีสีส้มแดงหรือสีดำเกือบทั้งตัว ยกเว้นบริเวณหน้าท้องที่มีสีขาวถึงสีครีม ตาเป็นทรงสามเหลี่ยม ม่านตาสีน้ำตาล ขอบตาสีดำ โตเต็มวัยเมื่ออายุ 12 เดือน และเข้าสู่ช่วงสูงวัยเมื่ออายุ 7 ปี
นิสัยของสุนัขพันธุ์ชิบะ
นิสัยที่โดดเด่นของสุนัขพันธุ์ชิบะ อินุ คือ ความกล้าหาญ กระตือรือร้น ซื่อสัตย์ รักอิสระ เพราะสุนัขพันธุ์นี้มักจะมีชีวิตชีวาเมื่ออยู่นอกบ้าน และสงบเรียบร้อยเมื่ออยู่ในบ้าน ชอบวิ่งเล่น ทำกิจกรรม และผจญภัยมาก อีกทั้งชิบะบางตัวยังมีความมั่นใจสูง มีความคิดเป็นของตัวเอง และไม่ชอบถูกควบคุม แต่ถึงอย่างนั้นหมาชิบะก็รักเจ้าของมากที่สุด แถมยังหวงข้าวของมาก จนทำให้เข้ากับคนแปลกหน้าและสัตว์ตัวอื่นได้ไม่ดีเท่าไร รวมถึงชอบไล่ล่าสัตว์ตัวเล็กด้วย
อีกทั้งแม้ชิบะจะเป็นสุนัขฉลาด แต่ก็แอบดื้อนิด ๆ และเอาแต่ใจหน่อย ๆ ไม่ค่อยมาหาเวลาเรียก แต่จะมาหาเมื่ออยากมา ฉะนั้นการฝึกจึงไม่เหมือนสุนัขพันธุ์อื่น แต่ทั้งนี้นิสัยของสุนัขชิบะ ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น กรรมพันธุ์และการเลี้ยงดู ดังนั้นถ้าหากเจ้าของอยากให้เขาน่ารัก เข้าสังคมได้ ก็ต้องพยายามฝึกตั้งแต่เด็กนั่นเอง
การเลี้ยงสุนัขพันธุ์ชิบะ
เพราะสุนัขพันธุ์ชิบะ อินุ มีนิสัยค่อนข้างกระตือรือร้น ดังนั้นจึงเหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่กว้างขวางมากพอให้เขาวิ่งเล่นได้อย่างสะดวก ที่สำคัญเจ้าของต้องพาสุนัขพันธุ์นี้ออกกำลังกาย เล่นเกม และหากิจกรรมให้ทำสม่ำเสมอทุกวัน ส่วนเรื่องอาหาร สุนัขพันธุ์ชิบะ อินุ เหมาะกับอาหารแบบแห้งที่มีคุณภาพสูง โดยปริมาณที่แนะนำต่อวัน คือ ½ ถึง 1/5 ถ้วย ควรแบ่งออกเป็นสองมื้อ แล้ววัดให้มีปริมาณเท่ากัน อย่างไรก็ตามปริมาณอาหารของสุนัขควรวัดจากขนาด อายุ การเผาผลาญ และการทำกิจกรรมของสุนัขแต่ละตัวจะดีที่สุด รวมถึงควรเช็กน้ำหนักของสุนัขเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้อ้วนหรือผอมเกินไปด้วย
นอกจากนี้เจ้าของควรฝึกให้สุนัขเข้าสังคมตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อช่วยให้เขาคุ้นชินกับคนและสัตว์เลี้ยงตัวอื่น เนื่องจากพวกเขามักจะระแวงคนแปลกหน้ามากเป็นพิเศษ จนอาจมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงได้ ยิ่งไปกว่านั้นตามสัญชาตญาณ สุนัขพันธุ์ชิบะ มักจะไล่จับสัตว์ตัวเล็ก เช่น แมวหรือกระรอกที่วิ่งผ่านเสมอ ฉะนั้นเจ้าของต้องใส่เชือกจูงทุกครั้งที่พาออกไปข้างนอก เพื่อช่วยป้องกันอุบัติเหตุและอันตราย ทว่าความจริงแล้วสุนัขพันธุ์นี้ไม่ชอบถูกควบคุมสักเท่าไร พวกเขาจึงไม่ค่อยยอมใส่ปลอกคอหรือสายจูง นี่จึงเป็นอีกหนึ่งหน้าที่สำคัญของเจ้าของที่ต้องคอยฝึกฝนพวกเขา
การดูแลรักษาความสะอาดสุนัขพันธุ์ชิบะ
ถึงแม้สุนัขพันธุ์ชิบะ อินุ จะมีขนหนาทึบสองชั้น แถมยังผลัดขนตลอดทั้งปี แต่ก็ดูแลรักษาง่าย เนื่องจากเป็นสุนัขที่ค่อนข้างสะอาดและไม่มีกลิ่น จึงต้องการแค่การหวีขนไม่ให้พันกันประมาณสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเท่านั้น แต่อาจจะหวีบ่อยขึ้นในช่วงผลัดขนก็ได้ ส่วนน้ำก็ไม่ต้องอาบบ่อยเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวและขนแห้ง สักประมาณ 3-4 เดือน/ครั้ง กำลังดี ทว่าที่สำคัญที่สุดต้องไม่ลืมแปรงฟันให้สุนัขสัก 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ เพื่อช่วยกำจัดแบคทีเรียและคราบหินปูน หรือถ้าหากจะแปรงทุกวันเลยก็ยังได้
ส่วนการตัดเล็บ ควรฝึกตั้งแต่ยังเด็กและตัดเป็นประจำทุกเดือน แต่ต้องระวังให้มาก เพราะเล็บเท้าของสุนัขมีหลอดเลือดอยู่ ถ้าหากตัดลึกมากเกินไป อาจจะทำให้สุนัขเจ็บและมีเลือดออก จนกลัวการตัดเล็บไปเลยก็ได้ สำหรับการตรวจหูควรทำเป็นประจำทุกสัปดาห์ เพื่อสังเกตว่าติดเชื้ออะไรหรือเปล่า ทั้งนี้ถ้าหากไม่มีอาการผิดปกติอะไร ควรเช็ดหูให้สะอาดด้วยสำลีและน้ำยาทำความสะอาดสูตรอ่อนโยน และระวังอย่าใส่อะไรเข้าไปในช่องหูเด็ดขาด
สุขภาพของสุนัขพันธุ์ชิบะ
สุนัขพันธุ์ชิบะ มีอายุเฉลี่ยราว 12-16 ปี ส่วนใหญ่แล้วสุขภาพค่อนข้างแข็งแรง แต่ก็มีโรคอันตรายที่ต้องระวังอยู่พอสมควร ฉะนั้นผู้เลี้ยงทุกคนต้องให้ความสำคัญในการดูแลสุนัขพันธุ์นี้มากเป็นพิเศษ เริ่มตั้งแต่การเลือกซื้อสุนัขที่มาจากแหล่งที่มาที่ดี เปิดเผยสุขภาพของตัวพ่อ-ตัวแม่ และมีผลการตรวจสุขภาพของลูกสุนัขแต่ละตัวด้วย โดยโรคร้ายหรืออาการที่พบได้บ่อยในสุนัขพันธุ์ชิบะ อินุ มีดังนี้
- พบบ่อย : โรคสะบ้าเคลื่อน
- พบไม่ค่อยบ่อย : โรคภูมิแพ้และต้อกระจก
- พบบ้างเป็นครั้งคราว : โรคข้อสะโพกเสื่อม, โรคขนตางอกผิดปกติ, โรคจอประสาทตาเสื่อม และโรคต้อหิน
นอกจากนี้โรคไทรอยด์ ลมชัก และมะเร็ง ก็สามารถพบเห็นได้ในสุนัขพันธุ์ชิบะ อินุ เช่นเดียวกัน ดังนั้นขอแนะนำให้เจ้าของพาสุนัขไปตรวจหัวเข่า สะโพก และดวงตาเป็นประจำจะดีที่สุด
โอ้โห ทั้งแข็งแรง กล้าหาญ และรักเจ้าของ แถมหน้าตาก็น่ารัก นิสัยก็น่าเอ็นดู ถ้าหากใครยังไม่มีสุนัขพันธุ์โปรดในดวงใจ บอกเลยสุนัขพันธุ์ชิบะ อินุ ก็น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก dogtime และ petfinder
ถึงแม้สุนัขพันธุ์ชิบะ อินุ จะมีขนหนาทึบสองชั้น แถมยังผลัดขนตลอดทั้งปี แต่ก็ดูแลรักษาง่าย เนื่องจากเป็นสุนัขที่ค่อนข้างสะอาดและไม่มีกลิ่น จึงต้องการแค่การหวีขนไม่ให้พันกันประมาณสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเท่านั้น แต่อาจจะหวีบ่อยขึ้นในช่วงผลัดขนก็ได้ ส่วนน้ำก็ไม่ต้องอาบบ่อยเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวและขนแห้ง สักประมาณ 3-4 เดือน/ครั้ง กำลังดี ทว่าที่สำคัญที่สุดต้องไม่ลืมแปรงฟันให้สุนัขสัก 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ เพื่อช่วยกำจัดแบคทีเรียและคราบหินปูน หรือถ้าหากจะแปรงทุกวันเลยก็ยังได้
ส่วนการตัดเล็บ ควรฝึกตั้งแต่ยังเด็กและตัดเป็นประจำทุกเดือน แต่ต้องระวังให้มาก เพราะเล็บเท้าของสุนัขมีหลอดเลือดอยู่ ถ้าหากตัดลึกมากเกินไป อาจจะทำให้สุนัขเจ็บและมีเลือดออก จนกลัวการตัดเล็บไปเลยก็ได้ สำหรับการตรวจหูควรทำเป็นประจำทุกสัปดาห์ เพื่อสังเกตว่าติดเชื้ออะไรหรือเปล่า ทั้งนี้ถ้าหากไม่มีอาการผิดปกติอะไร ควรเช็ดหูให้สะอาดด้วยสำลีและน้ำยาทำความสะอาดสูตรอ่อนโยน และระวังอย่าใส่อะไรเข้าไปในช่องหูเด็ดขาด
สุขภาพของสุนัขพันธุ์ชิบะ
สุนัขพันธุ์ชิบะ มีอายุเฉลี่ยราว 12-16 ปี ส่วนใหญ่แล้วสุขภาพค่อนข้างแข็งแรง แต่ก็มีโรคอันตรายที่ต้องระวังอยู่พอสมควร ฉะนั้นผู้เลี้ยงทุกคนต้องให้ความสำคัญในการดูแลสุนัขพันธุ์นี้มากเป็นพิเศษ เริ่มตั้งแต่การเลือกซื้อสุนัขที่มาจากแหล่งที่มาที่ดี เปิดเผยสุขภาพของตัวพ่อ-ตัวแม่ และมีผลการตรวจสุขภาพของลูกสุนัขแต่ละตัวด้วย โดยโรคร้ายหรืออาการที่พบได้บ่อยในสุนัขพันธุ์ชิบะ อินุ มีดังนี้
- พบบ่อย : โรคสะบ้าเคลื่อน
- พบไม่ค่อยบ่อย : โรคภูมิแพ้และต้อกระจก
- พบบ้างเป็นครั้งคราว : โรคข้อสะโพกเสื่อม, โรคขนตางอกผิดปกติ, โรคจอประสาทตาเสื่อม และโรคต้อหิน
นอกจากนี้โรคไทรอยด์ ลมชัก และมะเร็ง ก็สามารถพบเห็นได้ในสุนัขพันธุ์ชิบะ อินุ เช่นเดียวกัน ดังนั้นขอแนะนำให้เจ้าของพาสุนัขไปตรวจหัวเข่า สะโพก และดวงตาเป็นประจำจะดีที่สุด
โอ้โห ทั้งแข็งแรง กล้าหาญ และรักเจ้าของ แถมหน้าตาก็น่ารัก นิสัยก็น่าเอ็นดู ถ้าหากใครยังไม่มีสุนัขพันธุ์โปรดในดวงใจ บอกเลยสุนัขพันธุ์ชิบะ อินุ ก็น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก dogtime และ petfinder