
ถ้าพูดถึงสัตว์คู่บ้านคู่เมือง คนจะคิดถึงช้างเป็นลำดับแรก แต่รู้หรือไม่ สัตว์มงคลอีกชนิดคู่บ้านเมืองไทยมานานตามประวัติศาสตร์คืออะไร นั่นก็คือแมว รู้ไหมว่าสมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์ท่านทรงมอบแมววิเชียรมาศ 1 คู่ เป็นเครื่องบรรณาการให้กับประเทศอังกฤษ หลังจากนั้นแมวพันธุ์นี้กลายเป็นที่นิยมไปทั่ว แต่ตอนนี้แมวไทยแท้ใกล้สูญพันธุ์
สำหรับแมวไทยแท้นั้นมีทั้งหมด 23 สายพันธุ์ เป็นแมวมงคล 17 สายพันธุ์ และแมวลักษณะไม่ดี 6 สายพันธุ์ ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ 5 สายพันธุ์ที่อยู่รอด ได้แก่ แมววิเชียรมาศ แมวโกญจา แมวขาวมณี ซึ่งไม่ได้อยู่ในตำราแมวมงคล แมวโคราช และแมวศุภลักษณ์
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะขยายพันธุ์แมวไทย บอกว่า สาเหตุที่แมวไทยใกล้สูญพันธุ์นั้นเนื่องจากแมวไทยกำลังจะโดนกลืนด้วยการที่ต่างชาตินำสายพันธุ์แมวไทยไปผสมกับแมวสายพันธุ์อื่น แล้วนำไปจดทะเบียนโลก

และเพื่อการอนุรักษ์แมวไทยที่กำลังร่อยหรอลง คุณพนารัตน์ คำฉัตร หรือ คุณบิว ผู้อนุรักษ์แมวไทย จึงได้รวมกลุ่มกับผู้เชี่ยวชาญ กลุ่มผู้เลี้ยงและผู้เพาะพันธุ์แมวไทย ตั้งสมาคมแมวโบราญนานาชาติ เพื่อให้แมวไทยได้รับการยอมรับจากต่างชาติว่าเป็นสายพันธุ์แท้จากประเทศไทยจริง ๆ โดยขอความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นำส่ง DNA จากเนื้อเยื่อไรฟันของแมวแต่ละตัว ไปตรวจในห้องแล็บที่สหรัฐอเมริกา และใช้เวลากว่า 3 ปี จึงได้แมวศุภลักษณ์แท้ ๆ ทั้งครอก เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 200 ปี
อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มผู้เลี้ยงและผู้เพาะพันธุ์แมวไทย เตรียมผลักดันให้แมวศุภลักษณ์ได้จดทะเบียนโลกก่อนที่ต่างชาติจะนำแมวของไทยไปอ้างสิทธิ์เป็นของตนเองเหมือนที่ผ่านมา

ในด้านการค้า แมวไทยกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งกลุ่มผู้เลี้ยงแมวชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งแถบยุโรปและอเมริกาชื่นชอบแมวไทยเพราะขนสั้น ขี้เล่น ฉลาดแสนรู้ มากกว่าแมวสายพันธุ์ขนยาว ราคาขายอย่างต่ำ 6,000 บาท และสูงสุดถึง 250,000 บาท

อย่าให้แมวไทยพันธุ์สุดท้าย ต้องกลายไปเป็นสัญชาติอื่นเหมือนอย่างกรณีข้าวหอมมะลิไทยที่ถูกนักวิจัยชาวอเมริกันนำไปปรับปรุงพันธุ์ใหม่ในชื่อ จัสติมา (Jastima) ในปี 2541 หรือรถตุ๊กตุ๊กที่ บริษัทสัญชาติอเมริกันนำชื่อไปจดทะเบียนเมื่อในปี 2543