ทำความรู้จัก นกคีรีบูน (Canaries) ราชาแห่งเสียงเพลง (King of Songsters) ภายใต้ขนสีเหลืองสดใสและความเป็นมาที่น่าสนใจ
นกคีรีบูน (Canaries) เป็นนกเลี้ยงในกรงชนิดหนึ่ง ที่บรรดาผู้นิยมเลี้ยงนกเลี้ยงกันทั่วไปจำนวนมาก มีกำเนิดดั้งเดิมที่เกาะแคนารี ฉะนั้นนกคีรีบูนนี้จึงมีชื่อในภาษาอังกฤษว่า Canaries ซึ่งก็แปลว่าสีเหลืองอันสดสวย และก็เป็นคำหมายทั่วๆ ไปดุจเดียวกัน แต่อันแท้ที่จริงแล้วสีสันของนกคีรีบูนป่าตามธรรมชาติไม่ได้ใกล้เคียงกับสี เหลืองเสียเลย สีของนกที่นักเดินเรือชาวสเปนนำมาจากเกาะแคนารีเมื่อแรกเริ่มเดิมทีนั้นเป็น สีเขียวแกมเทามิได้มีสีอย่างเช่นปัจจุบันนี้เลย
นกคีรีบูนเมื่อยังอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ ตามปกติไม่ชอบอากาศร้อนนัก เมื่ออากาศเริ่มร้อนนกคีรีบูนจะอพยพไปสู่บริเวณเขตเขา ซึ่งอากาศนุ่มนวลเย็นสบายกว่า แต่เมื่ออากาศหนาวจัดก็กลับลงมาสู่ที่ราบอีก
เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์นกคีรีบูนก็จะเข้าคู่กันสืบขยายพันธุ์
แต่ถ้านกคีรีบูนผู้ไม่พอใจในคู่นักตัวเมียก็จะแสดงการข่มขู่ เช่น
จะใช้ปากและปีกจิกตีตัวเมียอยู่ตลอดเวลา
ความสำเร็จในการผสมพันธุ์จะลุล่วงไป
เมื่อนกทั้งสองมีความพอใจซึ่งกันและกันก็จะแสดงอาคารรักใคร่
ซึ่งมีพิธีตองอยู่มาก กล่าวคือ มีการป้อนอาหารให้กันและกัน
รวมทั้งการแสดงกิริยาร่าเริงแจ่มใส รวมทั้งการขยับปีกอยู่ตลอดเวลา
ถ้าหากนกทั้งสองแสดงความพอใจเช่นนี้
การผสมพันธุ์ก็จะลงเอยด้วยความเรียบร้อย
สำหรับการสร้างรังวางไข่ของนกคีรีบูนที่มันจัดสร้างขึ้นตามธรรมชาติไม่สู้จะเรียบ ร้อยนัก คือแล้วแต่มันจะหาอะไรได้ ฉะนั้นรังจึงรกไปด้วยใบไม้ และใบหญ้า ส่วนการวางไข่ของนกคีรีบูนนั้นก็จะวางไข่ครั้งละ 3-5 ฟอง ไข่จะมีสีฟ้าอ่อนๆ มีจุดสีน้ำตาลแกมแดงอ่อน ๆ ทั่วไป ระยะเวลาฟักไข่ประมาณ 13-14 วัน ลูกนกคีรีบูนเมื่อออกใหม่ก็เหมือนลูกนกทั่วไป ลูกนกจะกินอาหารของแม่ที่ย่อยแล้ว โดยคายอาหารในกระเพาะมาให้กินอีกครั้งหนึ่ง ลูกนกจะเจริญเติบโตสามารถช่วยตัวเองได้และบินออกจากรัง เมื่อมีอายุ 1 – 1 ขึ้นเดือนไป ส่วนในนกคีรีบูนตัวผู้ก็จะช่วยนกตัวเมียกกไข่และหาอาหารมาเลี้ยงลูกนกเช่น กัน
เมื่อได้พลัดถิ่นมาอยู่เช่นนี้จึงใช้เวลาเสาะแสวงหาเลือกนกที่ร้องเสียงดีนี้ ซึ่งในนกตัวผู้จะมีสีเขียวสดและตัวเมียจะสีจางปนเทาเล็กน้อย เมื่อได้พบว่านกเหล่านี้มีเสียงร้องที่ไพเราะผิดจากนกในสเปนครั้นเมื่อ สามารถหาหนทางกลับได้แล้วจึงจับใส่กรงที่ทำด้วยกิ่งไม้เล็กและหญ้ายาวๆ นำกลับไปประเทศของตน และตั้งชื่อมันตามชื่อที่อยู่ดั้งเดิม ต่อมานกชนิดนี้ก็ได้ความนิยมเผยแพร่พันธุ์ไปทั่วยุโรป จะมีพบได้ทุกหนทุกแห่งเพราะเลี้ยงง่ายทั้งสองสวยงาม รูปและเสียงเพลงอันไพเราะ จนได้รับสมยาว่า ราชาแห่งเพลง (King of Songsters)
แต่แรกเริ่มเดิมทีนั้น การเอานกคีรีบูนมาเลี้ยงกันก็เพื่อฟังการร้องเพลงอันไพเราะเพียงประการเดียว มิได้สนใจกับสีสันความสวยงามอย่างใด
ข้อมูลจำเพาะ
ชื่อภาษาไทย นกคีรีบูน
ชื่อภาษาอังกฤษ Canaries
ชื่อวิทยาศาสตร์ Serinus Canarius
ถิ่นกำเนิด เกาะแคนนารี ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอัฟริกา
- รูปร่างลักษณะ : เป็นนกปากแข็งในจำพวกนกฟินซ์ สีสันขนลำตัวมีมากมายหลายสี เช่น สีเหลืองธรรมดา สีเหลืองอ่อน(สีทอง) สีเขียวสด สีเขียวแกมน้ำตาล สีลูกกวาง สีเทา(สีเงิน) สีขาวและสีแดง แต่สีสันลำตัวดูไม่ฉูดฉาดนัก นอกจากนี้บางชนิดก็มีภู่ขน และหงอนที่บนหัวดูสวยงามน่ารักมาก
- อุปนิสัย : ร่าเริง แจ่มใส ชอบเกาะคอนอยู่ตลอดเวลา และส่งเสียงร้องเป็นทำนองเพลงอันไพเราะเพราะพริ้งน่าฟังยิ่ง สมกับสมยานามที่ว่าราชาแห่งเสียงเพลง (King of songsters)
- อาหาร : เมล็ดพืชชนิดต่าง ๆ เช่น เมล็ดเร็ป เมล็ดแคนารี และเมล็ดทาน ตะวัน เป็นต้น พืชผักใบสีเขียว เม็ดกรวดทราย และน้ำสะอาด
- การเจริญพันธุ์ : ผสมพันธุ์วางไข่ในเดือนมีนาคม-ตุลาคม และวางไข่ครั้งละ 3-5 ฟอง (อาจถึง 6-7 ฟอง)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
นกคีรีบูน (ม.เกษตรฯ)
นกคีรีบูน (Canaries) เป็นนกเลี้ยงในกรงชนิดหนึ่ง ที่บรรดาผู้นิยมเลี้ยงนกเลี้ยงกันทั่วไปจำนวนมาก มีกำเนิดดั้งเดิมที่เกาะแคนารี ฉะนั้นนกคีรีบูนนี้จึงมีชื่อในภาษาอังกฤษว่า Canaries ซึ่งก็แปลว่าสีเหลืองอันสดสวย และก็เป็นคำหมายทั่วๆ ไปดุจเดียวกัน แต่อันแท้ที่จริงแล้วสีสันของนกคีรีบูนป่าตามธรรมชาติไม่ได้ใกล้เคียงกับสี เหลืองเสียเลย สีของนกที่นักเดินเรือชาวสเปนนำมาจากเกาะแคนารีเมื่อแรกเริ่มเดิมทีนั้นเป็น สีเขียวแกมเทามิได้มีสีอย่างเช่นปัจจุบันนี้เลย
นกคีรีบูนเมื่อยังอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ ตามปกติไม่ชอบอากาศร้อนนัก เมื่ออากาศเริ่มร้อนนกคีรีบูนจะอพยพไปสู่บริเวณเขตเขา ซึ่งอากาศนุ่มนวลเย็นสบายกว่า แต่เมื่ออากาศหนาวจัดก็กลับลงมาสู่ที่ราบอีก
นกคีรีบูนเป็นนกปากแข็งกินเมล็ดพืช และก็กินอาหารได้หลายอย่าง เช่น
เมล็ดเร๊ป เมล็ดแคนารี เมล็ดป่าน เป็นต้น นอกนั้นยังชอบกินอาหารผักสด เช่น
ผักกาดหอม ซิควีด เป็นต้น สิ่งสำคัญควบคู่กันไปกับอาหารคือ กระดองปลาหมึก
อีกทั้งเม็ดกรวดทรายขนาดเล็ก
เพื่อช่วยบดย่อยอาหารในกึ๋นและสิ่งสำคัญที่สุดคือ น้ำสะอาด
การกินน้ำของนกคีรีบูนไม่ได้ดื่มแล้วชูขึ้นไปเหมือนนกบางชนิด
เมื่อนกคีรีบูนอาบน้ำ, มันจะจุ่มหัวลงไปในน้ำ
แล้วเอาปีกตีน้ำเหมือนหนึ่งว่าจะให้ตัวของมันเปียกน้ำอย่างเต็มที่
เมื่อเป็นการเรียบร้อยมันจึงขึ้นจากน้ำ สะบัด และไซร้จนกระทั่งขนแห้ง
แล้วโผขึ้นสู่คอนตกแต่งขนต่อไป ขาและนิ้วของนกคีรีบูนมีเกล็ดกำบังอยู่
แต่นิ้วของมันก็ยาวและมีกรงเล็บโค้งงอไม่มีพละกำลังแข็งกล้าอะไรนัก
เมื่อมายืนอยู่บนพื้นเรียบๆ ก็ดูเหมือนจะไม่มีความมั่นคงอย่างใดเลย
ฉะนั้นนกคีรีบูนจึงชอบที่จะเกาะคอนอยู่ตลอดเวลา
สำหรับการสร้างรังวางไข่ของนกคีรีบูนที่มันจัดสร้างขึ้นตามธรรมชาติไม่สู้จะเรียบ ร้อยนัก คือแล้วแต่มันจะหาอะไรได้ ฉะนั้นรังจึงรกไปด้วยใบไม้ และใบหญ้า ส่วนการวางไข่ของนกคีรีบูนนั้นก็จะวางไข่ครั้งละ 3-5 ฟอง ไข่จะมีสีฟ้าอ่อนๆ มีจุดสีน้ำตาลแกมแดงอ่อน ๆ ทั่วไป ระยะเวลาฟักไข่ประมาณ 13-14 วัน ลูกนกคีรีบูนเมื่อออกใหม่ก็เหมือนลูกนกทั่วไป ลูกนกจะกินอาหารของแม่ที่ย่อยแล้ว โดยคายอาหารในกระเพาะมาให้กินอีกครั้งหนึ่ง ลูกนกจะเจริญเติบโตสามารถช่วยตัวเองได้และบินออกจากรัง เมื่อมีอายุ 1 – 1 ขึ้นเดือนไป ส่วนในนกคีรีบูนตัวผู้ก็จะช่วยนกตัวเมียกกไข่และหาอาหารมาเลี้ยงลูกนกเช่น กัน
ปกตินกคีรีบูนมักจะหาโอกาส ร้องเพลงเสมอ
เมื่อมันจะร้องเพลงจะมีอารมณ์เบิกบานเต็มที่ ตั้งตัวตรง
ผวะหัวไปเบื้องหลังดุจดั่งนักร้องดังที่ยื่นอยู่บนเวทีต่อหน้ามหาชน ซึ่งนกคีรีบูนนี้จะมีความสามารถในการร้องเพลงมากน้อยต่างกันไป
สำหรับประวัติความเป็นมาของการนำเอานกคีรีบูนมาเลี้ยงนั้นมีข้อมูลกล่าวไว้ว่า
เมื่อประมาณ 500 ปีมาแล้ว
ได้มีการติดต่อค้าขายโดยตรงกับเรือจากประเทศสเปนมายังแอฟริกา
ปรากฏว่าเรือดังกล่าวมีสาเหตุต้องมาล่มแถวบริเวณหมู่หินของเกาะแคนารี
อันตั้งอยู่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของแอฟริกา
บรรดานักเดินเรือชาวสเปนจึงได้ขึ้นพักอาศัยอยู่บนเกาะนี้จนกว่าจะมีหนทางกลับ
ซึ่งบรรดานักเดินเรือทั้งหลายนี้ก็คงจะมีนิสัยชอบรักสัตว์เลี้ยง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำพวกนก และคงหันมาสนใจในนกชนิดนี้ที่มีเสียงร้องไพเราะ
และไม่เคยพบเห็นมาแต่ก่อน
เมื่อได้พลัดถิ่นมาอยู่เช่นนี้จึงใช้เวลาเสาะแสวงหาเลือกนกที่ร้องเสียงดีนี้ ซึ่งในนกตัวผู้จะมีสีเขียวสดและตัวเมียจะสีจางปนเทาเล็กน้อย เมื่อได้พบว่านกเหล่านี้มีเสียงร้องที่ไพเราะผิดจากนกในสเปนครั้นเมื่อ สามารถหาหนทางกลับได้แล้วจึงจับใส่กรงที่ทำด้วยกิ่งไม้เล็กและหญ้ายาวๆ นำกลับไปประเทศของตน และตั้งชื่อมันตามชื่อที่อยู่ดั้งเดิม ต่อมานกชนิดนี้ก็ได้ความนิยมเผยแพร่พันธุ์ไปทั่วยุโรป จะมีพบได้ทุกหนทุกแห่งเพราะเลี้ยงง่ายทั้งสองสวยงาม รูปและเสียงเพลงอันไพเราะ จนได้รับสมยาว่า ราชาแห่งเพลง (King of Songsters)
แต่แรกเริ่มเดิมทีนั้น การเอานกคีรีบูนมาเลี้ยงกันก็เพื่อฟังการร้องเพลงอันไพเราะเพียงประการเดียว มิได้สนใจกับสีสันความสวยงามอย่างใด
สำหรับการผสมพันธุ์นกคีรีบูนให้มีสีสันต่างๆ
นี้ เพิ่งรู้กันเมื่อเริ่มต้นศตวรรษนี้เอง
เรื่องนี้อาจนับเป็นอุบัติเหตุก็ได้
ที่มีนักเลี้ยงนกคีรีบูนในฮอลแลนด์คนหนึ่งชื่อ เฮลเดอร์
สามารถผสมนกคีรีบูนตัวหนึ่งมีสีแปลกประหลาดไปจากนกตัวอื่น เฮลเดอร์
ได้เรียกนกตัวนี้ว่า นกคีรีบูนสีโมรา (Agace
Canary) ทั้งนี้เพราะว่านกคีรีบูนนี้มีสีเหลืองกับหินโมรานั่นเอง
แต่มิช้าก็ค้นพบความจริงว่าการที่นกคีรีบูน
กลายเป็นสีเช่นนี้ได้ก็เพราะมีการลดสีพื้นฐานลงไป
จากหลักการนี้เองจึงได้นำเอาไปผสมพันธุ์เกิดสีสันใหม่ๆ ขึ้นมามากมาย
ชื่อภาษาไทย นกคีรีบูน
ชื่อภาษาอังกฤษ Canaries
ชื่อวิทยาศาสตร์ Serinus Canarius
ถิ่นกำเนิด เกาะแคนนารี ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอัฟริกา
- รูปร่างลักษณะ : เป็นนกปากแข็งในจำพวกนกฟินซ์ สีสันขนลำตัวมีมากมายหลายสี เช่น สีเหลืองธรรมดา สีเหลืองอ่อน(สีทอง) สีเขียวสด สีเขียวแกมน้ำตาล สีลูกกวาง สีเทา(สีเงิน) สีขาวและสีแดง แต่สีสันลำตัวดูไม่ฉูดฉาดนัก นอกจากนี้บางชนิดก็มีภู่ขน และหงอนที่บนหัวดูสวยงามน่ารักมาก
- อุปนิสัย : ร่าเริง แจ่มใส ชอบเกาะคอนอยู่ตลอดเวลา และส่งเสียงร้องเป็นทำนองเพลงอันไพเราะเพราะพริ้งน่าฟังยิ่ง สมกับสมยานามที่ว่าราชาแห่งเสียงเพลง (King of songsters)
- อาหาร : เมล็ดพืชชนิดต่าง ๆ เช่น เมล็ดเร็ป เมล็ดแคนารี และเมล็ดทาน ตะวัน เป็นต้น พืชผักใบสีเขียว เม็ดกรวดทราย และน้ำสะอาด
- การเจริญพันธุ์ : ผสมพันธุ์วางไข่ในเดือนมีนาคม-ตุลาคม และวางไข่ครั้งละ 3-5 ฟอง (อาจถึง 6-7 ฟอง)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก americansingercanary.com, centralislandbirdclub.ca