x close

คดีจบ เปิดให้รับเลี้ยงสุนัข-ให้อาหารเม็ดลดค่าใช้จ่าย

 
 

นครพนม-เตรียมกลับมาให้อาหารเม็ดสุนัข ลดค่าใช้จ่าย




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

           หลังคดีสิ้นสุด สถานกักกันสัตว์นครพนม เปิดให้ผู้รักสุนัขรับสุนัขไปเลี้ยง ตลอดจนจะปรับให้อาหารเม็ดแทนการให้อาหารสด เพื่อลดค่าใช้จ่าย

           หลังจากศาลจังหวัดนครพนม ได้พิพากษาจำคุกผู้ต้องหาลักลอบค้าสุนัข 5 คน คนละ 4 เดือน 5 วัน พร้อมปรับเงินรวมกว่า 40,000 บาท โดยยังคงให้สุนัขทั้งหมดอยู่ในความดูแลของด่านกักกันสัตว์นครพนมต่อไป แต่หลังจากนี้ก็สามารถให้ประชาชนที่สนใจจะรับเลี้ยงสุนัขมาขอรับเลี้ยงสุนัขได้แล้ว เพื่อลดภาระของศูนย์ช่วยเหลือสุนัข ที่ปัจจุบันมีค่าใช้จ่ายสูงถึงวันละกว่า 40,000 บาท ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จะเป็นค่าอาหารสดประจำวัน

           นายชูศักดิ์ พงษ์พานิชย์ หัวหน้าด่านกักกันสัตว์นครพนม เปิดเผยว่า ยอดค่าใช้จ่ายแต่ละวันเป็นเงินกว่า 42,938 บาท ซึ่งแยกเป็นค่าอาหารสุนัขที่เป็นข้าวสุกคลุกกับเนื้อต้ม วันละ 14,400 บาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายสูงสุด ดังนั้น ทางศูนย์ช่วยเหลือสุนัขจะพิจารณาลดค่าใช้จ่ายรายวันลงโดยอาจลดจำนวนอาหารสดรายวันลง แต่จะปรับให้อาหารเม็ดที่ยังเหลืออยู่มากจากที่ผู้ใจบุญบริจาคให้ แทนการให้อาหารสด

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก





[27 กันยายน] คดีค้าสุนัขข้ามชาติ สั่งจำคุก 4 เดือน ไม่รอลงอาญา

ค้าสุนัข

ค้าสุนัข

ค้าสุนัข

ค้าสุนัข

ค้าสุนัข

ค้าสุนัข



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

          คดีค้าสุนัขข้ามชาติ พิพากษาแล้ว! ศาลตัดสินจำคุกคนละ 8 เดือน 10 วัน ไม่รอลงอาญา พร้อมปรับและอายัดของกลาง แต่ทางผู้ต้องหารับสารภาพ ทางศาลจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือ แค่ 4 เดือน 5 วัน

          ความคืบหน้าล่าสุดจากคดีค้าสุนัขข้ามชาติวันนี้ (26 กันยายน) นั้น นายบัญญัติ ตังกบบดี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครพนม ได้อ่านคำพิพากษาคดีดังกล่าว โดยได้แยกออกเป็น 4 สำนวนคดีดังนี้ ...

          1 .คดีอาญาหมายเลขดำที่ 2050/2554 มีนายมนตรีพันธ์กลาง และ นายตรัน วัน ทาน เป็นผู้ต้องหา

          2. คดีดำเลขที่ 2051/2554 มีนายนภดล ชัยวังราช เป็นผู้ต้องหา

          3. คดีดำเลขที่ 2064/2554 มีนายวีระวัฒน์ สวัสดี เป็นผู้ต้องหา

          4. คดีดำเลขที่ 2065/2554 มีนายอนุสรณ์ บุพศิริ เป็นผู้ต้องหา

          โดยทั้งหมดถูกฟ้องรวม 4 ข้อหา ได้แก่...

          1.ค้าสุนัขโดยไม่ได้รับอนุญาต

          2. เคลื่อนย้ายสุนัขโดยไม่ได้รับอนุญาต

          3. กระทำการทารุณสัตว์

          4.ครอบครองสัตว์(สุนัข)โดยไม่มีการฉีดวัคซีนจากสัตวแพทย์

          ทั้งนี้ หลังจากที่ศาลได้แจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวให้กับผู้ต้องหาทราบแล้ว ผู้ต้องหาทุกคนต่างรับสารภาพข้อหาทั้งหมด ทางศาลจึงได้อ่านคำพิพากษาใหม่ดังนี้ ...

          คดีที่ 1  ผู้ต้องหาคือ นายมนตรี พันธ์กลาง และนายตรั่น วัน ทาน ชาวเวียดนาม ศาลสั่งลงโทษจำคุกข้อหาค้าสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นเวลา 4 เดือน ลงโทษจำคุกข้อหาเคลื่อนย้ายสัตว์ โดยไม่ได้รับอนุญาต 4 เดือน ลงโทษจำคุกข้อหากระทำทารุณสัตว์ 10 วัน และลงโทษปรับฐานไม่ฉีดวัคซีน ตัวละ 40 บาท ทั้งหมดรวม 560 ตัว เป็นเงิน 22,400 บาท รวมลงโทษจำคุก 8 เดือน 10 วัน ปรับ 22,400 บาท

          แต่จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี จึงลดโทษลงกึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุกคนละ 4 เดือน 5 วัน ปรับ คนละ 11,200 บาท

          คดีที่ 2 ผู้ต้องหาคือ นายนภดล ชัยวังราช ศาลสั่งลงโทษจำคุกรวม 8 เดือน 10 วัน และปรับในข้อหาที่ไม่ฉีดวัคซีนสุนัข ตัวละ 40 บาท จำนวน 450 ตัว เป็นเงิน 18,000 บาท แต่ผู้ต้องหารับสารภาพจึงลดโทษเหลือจำคุก 4 เดือน 5 วัน และปรับ 9,000 บาท

          คดีที่ 3 ผู้ต้องหาคือ นายวีระวัฒน์ สวัสดี ศาลสั่งลงโทษ จำคุกรวม 8 เดือน 10 วัน และปรับที่ไม่ฉีดวัคซีนสุนัข 300 ตัวเป็นเงิน 12,000 บาทรับสารภาพลดเหลือกึ่งหนึ่งคงเหลือจำคุก 4 เดือน 5 วันปรับ 6,000 บาท

          คดีที่ 4 ผู้ต้องหาคือ นายอนุสรณ์ บุพศิริ  ศาลสั่งลงโทษจำคุก 8 เดือน 10 วัน และปรับไม่ฉีดวัคซีนสุนัข 400 ตัว ตัวละ 40 บาท รวมเป็นเงิน 16,000 บาท ทั้งนี้ผู้ต้องหารับสารภาพ จึงลดโทษเหลือกึ่งหนึ่งคงเหลือโทษจำคุก 4 เดือน 5 วันปรับ 8,000 บาท

           อย่างไรก็ตาม ทางศาลได้สั่งให้ริบของกลาง คือ รถยนต์บรรทุกหกล้อ จำนวน 4 คัน กรงเหล็กขังสุนัขอีก 200 กรง เพราะทรัพย์สินดังกล่าว เป็นทรัพย์สินที่ใช้กระทำความผิดในครั้งนี้

          สำหรับคดีนี้ ทางศาลได้ให้เหตุผลในการพิพากษาคดีว่า จากการพิจารณาแล้ว การกระทำของจำเลยนั้น เป็นการกระทำเชิงธุรกิจการค้า และเป็นการกระทำที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเป็นการกระทำต่โหดร้ายทารุณต่อสัตว์ เพียงเพื่อหวังผลประโยชน์แก่ตนเองอย่างเดียว โดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อสภาพสังคมและส่วนรวม และถึงแม้จำเลยจะมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลเลี้ยงดูครอบครัว แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เพียงพอต่อการกระทำทารุณโหดร้ายเช่นนี้ และเมื่อศาลพิพากษาให้จำคุก ทางผู้ต้องหาทั้งหมดต้องถูกส่งเข้าเรือนจำและรับโทษทันที

          ขณะที่ นายชูศักดิ์ พงษ์พานิชย์ หัวหน้าด่านกักกันสัตว์นครพนม ได้เปิดเผยว่า จากคำสั่งศาลที่ออกมานั้น ไม่ได้ระบุว่า สุนัขเป็นของกลาง เพราะสุนัขไม่ใช่สิ่งที่ผิดกฎหมาย อีกทั้งทางอัยการก็ยังไม่ได้ขอให้ศาลสั่งการใด ๆ ดังนั้น ทางเจ้าหน้าที่หน้าที่ของสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครพนม จำเป็นที่จะต้องดูแลสุนัขที่เหลือต่อไป

          นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า หากศาลตัดสินให้คืนของกลาง ตนคิดว่าเจ้าของคงจะไม่มาขอรับคืนอย่างแน่นอน เนื่องจากหากมารับคืนจะต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูสุนัขเหล่านี้ตลอด 40 วันที่ผ่านมา ซึ่งได้ทำเป็นตัวเลขออกมาแล้ว คือ ต้องจ่ายเป็นค่าอาหารสุนัขเป็นข้าวสุกคลุกกับเนื้อต้ม เป็นเงิน 14,400 บาท ต่อวัน นอกจากนั้นยังมีค่าอาหารและเครื่องดื่มของเจ้าหน้าที่ทั้งหมดตกวันละ 14,600 บาท ค่าไฟฟ้า 183 บาท ค่าจ้างพนักงานประจำคอกวันละ 2,566 บาท ค่าเวชภัณฑ์สำหรับฟื้นฟูสุขภาพสุนัขอีกวันละ 11,189 บาท รวมแล้วมีรายจ่าย 42,938 บาทต่อหนึ่งวัน ดังนั้นหากศาลพิพากษาให้คืนของกลางเหมือนเช่นเคย ผู้ที่จะมาแสดงตนรับของกลางคืนจะต้องจ่ายเงินจำนวนนี้เสียก่อน 


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก




[26 สิงหาคม] ผู้ค้าสุนัขบุกนครพนม จี้เปิดทางส่งสุนัขไปเวียดนาม


ผู้ค้าสุนัข







เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

           ม็อบผู้ค้าสุนัขทั่วอีสานบุกศาลากลางนครพนม เรียกร้องผู้ว่าฯ เปิดเส้นทางให้ขนส่งสุนัขไปเวียดนาม พร้อมเดินหน้าเคลื่อนไหวเรียกร้อง เพื่อให้เปิดการค้าสุนัขได้อย่างถูกต้อง

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (26 สิงหาคม) เมื่อเวลา 10.00 น. ได้มีกลุ่มชาวบ้านผู้ค้าสุนัขจากหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 500 คน เดินทางมารวมตัวกันหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม เพื่อขอความเป็นธรรมต่อนายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ให้เปิดเส้นทางขนส่งสุนัข เพื่อนำไปขายที่ประเทศเวียดนาม

           ทั้งนี้ นายยงยุทธ นุกิจรังสรรค์ นายสมดี คชายั่งยืน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นตัวแทนรับเรื่องแทนนายเริงศักดิ์ที่ไปราชการต่างจังหวัด โดย นายยงยุทธ กล่าวว่า ทางจังหวัดได้รับเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว แต่คงยังดำเนินการอะไรไม่ได้ เพราะการปราบปรามจับกุมนั้นเป็นไปตามข้อกฎหมาย ซึ่งหากจะมีการอนุญาตใด ๆ ก็ต้องนำเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขกฎหมายระดับประเทศต่อไป

           ขณะที่ นายสวง เดชาเลิศ อายุ 58 ปี ตัวแทนกลุ่มผู้ค้าสุนัขจาก ต.ท่าแร่ อ.เมือง จ.สกลนคร กล่าวว่า การที่ชาวบ้านมารวมตัวกันครั้งนี้ ไม่ได้ต้องการสร้างความเดือดร้อนใด ๆ เพียงแค่ต้องการขอให้ทางจังหวัดนครพนมเปิดเส้นทางขนส่งสุนัขออกไปขายยังประเทศเวียดนามให้ เพราะหลังจากนายเริงศักดิ์ มีนโยบายปราบปรามจับกุมการค้าสุนัขอย่างเข้มข้น ส่งผลให้ชาวบ้านที่ประกอบอาชีพค้าสุนัขมานานกว่า 30 ปี ขาดรายได้ และได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เพราะชาวบ้านไม่ได้ทำอาชีพอื่น จึงต้องรับภาระหนี้สิน ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ รวมทั้งค่าเล่าเรียนบุตรหลาน ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้ล้วนได้มาจากการค้าสุนัขทั้งสิ้น

           ตัวแทนกลุ่มผู้ค้าสุนัข ยังกล่าวอีกว่า แม้ว่าการเรียกร้องครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ แต่ทางกลุ่มจะเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิไปทุกระดับจนถึงระดับประเทศ เพื่อให้เปิดการค้าสุนัขได้อย่างถูกต้องต่อไป



[23 สิงหาคม] กลุ่มรักสุนัขร้องรัฐร่าง พ.ร.บ.ทารุณสัตว์






           ตัวแทนกลุ่มรักสุนัข ร้องรัฐ ร่าง พ.ร.บ.การทารุณสัตว์ ขณะที่ กลุ่มเสื้อแดง ไม่พอใจ เข้าใจผิดคิดว่าเป็นกลุ่มหลากสีมาป่วน หวิด ปะทะกัน

           บรรยากาศล่าสุด บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา ขณะนี้มีกลุ่มตัวแทนผู้รักสุนัข ต่อต้านการค้าเนื้อสุนัข ประมาณ 40 คน ได้นัดรวมตัวกัน เพื่อเรียกร้องให้รัฐสภา เสนอร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณสัตว์และสวัสดิภาพสัตว์ นำเข้าสภาอย่างจริงจัง หลังจากเคยผลักดันให้มีการนำเข้าในรัฐบาลชุดก่อน แต่ก็ไม่สำเร็จ เนื่องจากมีการยุบสภาไปก่อน โดยในวันที่ 29 สิงหาคม นี้ เวลา 09.00 น. จะเดินทางมายื่นหนังสือต่อ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ให้ผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เนื่องจากมีบางกลุ่มพยายามเสนอให้มี ร่าง พ.ร.บ.การค้าเนื้อสุนัขให้ถูกต้องในประเทศ

           อย่างไรก็ตาม เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา เกือบมีเหตุการณ์ปะทะกัน ระหว่างกลุ่มคนรักสุนัขและกลุ่มคนเสื้อแดง เนื่องจาก มีการเข้าใจผิดว่า กลุ่มคนรักสุนัข ถูกส่งมาเพื่อก่อกวนการแถลงนโยบายของทางรัฐบาลและมีปากเสียงกัน จนทำให้ กลุ่มคนรักสุนัข ย้ายสถานที่การชุมนุมไปอยู่บริเวณด้านหน้าสวนสัตว์ดุสิตแทน


http://www.krobkruakao.com/store/news/42960/1313644501.jpg


[19 สิงหาคม] ผู้ค้าสุนัขวอนนายกฯ หนุนค้าเสรี ชี้ไม่ต่างกับขายวัว-ควาย


           ชาวบ้านนครพนมโวย สุนัขหลุดกรงกว่า 600 ตัว บางตัวไล่กัดเด็ก และเป็ด-ไก่ วุ่นไปทั้งหมู่บ้าน ด้านผู้ค้าสุนัข วอนนายกฯ สนับสนุนค้าขายเสรี ถามต่างจากขายวัว ควาย อย่างไรกัน

           จากกรณีที่มี 2 คนขับรถบรรทุกสุนัขถีบกรงสุนัขลงข้างทางบริเวณป่าสวนยาง บ.นาหนองหวาย อ.ศรีสงคราม รอยต่อเชื่อมกับ อ.นาทม และจ้างให้ชาวบ้านช่วยกันปล่อยสุนัขกว่า 600 ตัว เพื่อทำลายหลักฐาน ให้ตัวเองพ้นความผิดนั้น ขณะนี้พบว่า ในบริเวณหมู่บ้านดังกล่าว พบสุนัขมากมายหลายตัวเดินเพ่นพ่านกลางถนน บางตัวที่เชื่องชาวบ้านก็นำไปเลี้ยง ส่วนบางตัวก็ไล่กัดไก่ เป็ดของชาวบ้าน อีกทั้งแย่งอาหารที่ชาวบ้านโยนให้อย่างน่าสงสาร ซึ่งสุนัขแต่ละตัวมีสภาพอิดโรย ผอมโซ และบางตัวก็มีบาดแผลทั่วลำตัว เดินตามชาวบ้านเพื่อขออาหารไปทั่วหมู่บ้าน

         ทั้งนี้ ชาวบ้านรายหนึ่งเปิดเผยว่า ตนเห็นสุนัขเหล่านี้แล้วรู้สึกสงสารเป็นอย่างมาก จึงได้หุงข้าวให้พวกมันกิน โดยในช่วงเย็นจะมีสุนัขหลายตัวเข้ามาแย่งกันกิน พอกินเสร็จก็แยกย้ายหลบไปตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ  ซึ่งแต่ละตัวยังมีอาการหวาดผวาอยู่ นอกจากนี้ ตนยังได้ยินข่าวว่า มีวัยรุ่นต่างถิ่นขับสามล้อพ่วงลัดเลาะมาบริเวณสวนยาง คอยไล่ยิงสุนัข เพื่อนำไปชำแหละกินเป็นอาหาร





         ทางด้าน นายสาคร ผงชานันท์ อายุ 47 ปี ผู้ใหญ่บ้าน บ.นาหนองหวาย ม.7 กล่าวว่า ตนได้รับร้องเรียนจากชาวบ้านเป็นจำนวนมาก ว่าสุนัขที่ถูกปล่อยออกมาไล่กัดกินเป็ด และไก่ชาวบ้านตายไปแล้วกว่า 400 ตัว ทั้งนี้ตนได้แจ้งนายอำเภอให้มาดำเนินการแก้ปัญหาโดยด่วยแล้ว เนื่องจากชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก และเกรงว่า ถ้าสุนัขเกิดอาหารหิวจัด อาจจะโมโหจนไล่กัดเด็กในหมู่บ้านก็เป็นได้

       ขณะที่ นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้ออกมาขอความร่วมมือให้ชาวบ้านในละแวกนั้น แยกสุนัขเลี้ยงออกโดยให้ทำการใส่ปลอกคอไว้ เพราะทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการจับสุนัขมาไว้ที่ด่านกักกัน เพราะสุนัขที่โดนปล่อยทั้งหมดเป็นของกลางในคดี

       ขณะเดียวกันมีชาวบ้านบางส่วนที่ประกอบอาชีพขายสุนัข ได้ออกมากล่าวว่า ตอนนี้จากอาชีพการขายสุนัขรายได้ประมาณวันละ 500 - 1,000 บาท เพื่อนำรายได้มาเลี้ยงครอบครัว กลับต้องมาจับกุ้งขาย เหลือวันละ 50 บาท ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน ตนจึงอยากจะฝากเรียนถึงนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรว่า การขายสุนัข แตกต่างจากการขายวัว ขายควาย อย่างไร เพราะก็ขายเพื่อไปประกอบอาหารเช่นเดียวกัน และอยากให้ทางรัฐบาลได้พิจารณาเรื่องดังกล่าว และสนับสนุนการค้าสุนัข




      อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ร้าย ๆ ดังกล่าว ก็ยังมีเรื่องดี ๆ อยู่บ้าง เมื่อประชาชนที่ทราบข่าวต่างพากันบริจาคทั้งเงิน และสิ่งของ ซึ่งขณะนี้ยอดบริจาคสูงถึงประมาณ 15.5 ล้านบาทแล้ว อีกทั้งยังมีประชาชนส่งข้าวของมาบริจาคไม่ว่าจะเป็นบริจาคให้กับสุนัข หรือบริจาคขนม และเครื่องดื่มให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

      ล่าสุดทางด่านกักกันสัตว์ ได้รายงานว่า ขณะนี้มีสุนัขผู้รอดชีวิตและเกิดใหม่รวมทั้งสิ้น  993 ตัว โดยได้ทำการจัดระบบสุขาภิบาลเรื่องสุขลักษณะ ไม่ว่าจะเป็น การแบ่งคอกแยกสัตว์ป่วย, ถ่ายรูปทำทะเบียนสุนัข, จัดเจ้าหน้าที่ประจำคอกเป็นเวรยามละ 5 คน, จัดตั้งเจ้าหน้าที่รักษาสัตว์,จัดเจ้าหน้าที่ให้วัคซีน และถ่ายพยาธิ นอกจากนี้ ทาง ม.ขอนแก่น ยังได้ส่งสัตวแพทย์อีก 17 คนเพื่อมาทำการอัลตร้าซาวน์ด ตรวจหาสุนัขที่ท้องอีกด้วย





อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
     




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
คดีจบ เปิดให้รับเลี้ยงสุนัข-ให้อาหารเม็ดลดค่าใช้จ่าย อัปเดตล่าสุด 28 กันยายน 2554 เวลา 09:14:53 4,545 อ่าน
TOP