ร้องปรับแผนดูแลสุนัขนครพนม - เบิกจ่ายงบล่าช้า









เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

         อาสาฯ ร้องปรับแผนดูแลสุนัขที่ด่านกักกันนครพนม หลังเบิกจ่ายเงินได้ล่าช้า ขณะที่สุนัขยังทยอยตายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเหลือ 881 ตัว เหตุไม่คุ้นอาหารเม็ด

         เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2554 สัตวแพทย์หญิงจักราภรณ์ สุวัธนะเชาว์ หนึ่งในผู้ใจบุญที่บริจาคเงินและอาหารเพื่อช่วยเหลือสุนัขที่ด่านกักกันสัตว์ จ.นครพนม ได้เดินทางมาดูสภาพของสุนัขที่บริเวณคอกสุนัข พร้อมทั้งเปิดเผยว่า ขณะนี้พบปัญหาสุนัขทยอยตายทุกวัน ถึงวันละ 10 กว่าตัว ทั้งนี้ เนื่องมาจากสุนัขทุกตัวมีสภาพบอบช้ำเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้น สิ่งสำคัญอันดับแรกก็คือ การฟื้นฟูสุขภาพ โดยเฉพาะเรื่องอาหารของสุนัข ซึ่งแม้ว่าจะมีผู้ช่วยเหลือบริจาคอาหารเม็ดเป็นจำนวนมาก แต่สุนัขส่วนใหญ่เป็นสุนัขที่ปกติจะได้รับอาหารที่เจ้าของคลุกกับข้าวให้กิน จึงไม่คุ้นเคยกับอาหารเม็ด บางตัวจึงไม่กินอาหาร บวกกับสภาพร่างกายที่เจ็บป่วย จึงล้มตายไปในที่สุด

         ล่าสุด มีสุนัขคงเหลืออยู่ 881 ตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่เร่งให้วัคซีนและคัดแยกสุนัข ออกใส่คอกใหม่ที่ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ยังเหลือเพียงปรับปรุงระบบระบายน้ำเสียออกจากคอก ซึ่งหากแล้วเสร็จก็สามารถย้ายสุนัขเข้าอยู่ได้ทันที

         อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญที่พบอีกประการหนึ่งก็คือ การบริหารเงินกองทุนช่วยเหลือสุนัขไม่คล่องตัว ทำให้การเบิกจ่ายเงินเพื่อจัดซื้ออาหารและวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นในการรักษาสุนัขไม่ทันการณ์ โดยบางครั้งเจ้าหน้าที่ต้องสำรองจ่ายเงินไปก่อนแล้วจึงนำใบเสร็จมาเบิกทีหลัง ดังนั้น กลุ่มอาสาสมัครจึงเรียกร้องให้ปรับแผนดูแลสุนัข เพื่อเร่งฟื้นฟูร่างกายสุนัขที่เจ็บป่วยโดยเร็ว
   
         ทั้งนี้ ยอดเงินบริจาคเข้ากองทุนช่วยเหลือสุนัขล่าสุดอยู่ที่ 20,704,511.88 บาท ขณะนี้มียอดใช้จ่ายเพื่อปรับปรุงคอกสุนัขไป 457,720 บาท ค่าอาหารและสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ 104,300 บาท ค่าเวชภัณฑ์และกรงแยกสุนัขป่วยอีก 49,250 บาท รวมใช้จ่ายไปแล้วทั้งสิ้น 611,270 บาท






[30 สิงหาคม] สุนัขนครพนมตายเพิ่มอีก 18 ตัว พบติดไวรัสหัดกว่า 70%










          สุนัขที่ด่านกักกันนครพนมยังน่าห่วง นายสัตวแพทย์เผย กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ติดเชื้อไวรัสไข้หัดสุนัข ตายเพิ่มอีก 18 ตัว
 
          ความคืบหน้าการช่วยเหลือสุนัขจากแก๊งค้าสุนัขข้ามชาติล่าสุด วานนี้ (29 สิงหาคม) นายพรรธพงศ์ พูดเพราะ หัวหน้าทีมคณะทำงานสัตวแพทย์จังหวัดนครพนม เผยว่า ขณะนี้มีสุนัขจำนวนมาก แสดงอาการป่วยทางระบบทางเดินหายใจ และระบบทางเดินอาหาร ตายเพิ่มอีก 18 ตัว ดังนั้น จึงได้มีการสุ่มตรวจสุนัขที่มีอยู่กว่า 900 ตัว พบว่า สุนัขกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ติดเชื้อไวรัสไข้หัดสุนัขและโรคไวรัสอักเสบติดต่อ ซึ่งเป็นไปได้ว่า สุนัขบางตัวเคยติดเชื้อมาก่อน แต่เมื่อมาเจอสภาวะเครียดจึงแสดงอาการออกมา เนื่องจากสุนัขทั้งหมดมีสภาพอ่อนแอ บอบช้ำ อยู่ในกรงที่แออัดมาก และมาจากหลายแห่งที่ไม่รู้สภาพร่างกายมาก่อน เมื่อมาเลี้ยงรวมกันจึงมีโอกาสกระจายเชื้อไปยังตัวอื่น ๆ ได้ง่าย
 
          ทั้งนี้ โรคไข้หัดสุนัขและโรคลำไส้อักเสบติดต่อ เป็นโรคติดต่อร้ายแรงในสุนัขที่มีอัตราการตายสูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งสามารถแพร่เชื้อไปยังตัวอื่น ๆ ได้ง่าย เพียงแค่สัมผัส หายใจ และสิ่งขับถ่าย ส่วนสาเหตุของโรคเกิดจากเชื้อไวรัส ไม่มียารักษาโดยตรง

             อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เร่งสร้างคอกเพิ่มเติมเพื่อแยกสุนัขออกเป็นกลุ่ม ๆ เพื่อง่ายต่อการรักษา และจะแยกตัวที่แข็งแรงมาพักไว้ในกรงขนาดใหญ่ ซึ่งขณะนี้ได้เร่งก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จใน 2-3 วันนี้ คาดว่าถ้าลดความแออัดของสุนัขได้ จะสามารถช่วยเหลือสุนัขได้ง่ายขึ้น 
 

[18 สิงหาคม] ยอมให้สุนัขเจอเจ้าของกลับบ้านแล้ว-ยอดบริจาคพุ่ง 11 ล้าน 









          เจ้าหน้าที่ด่านกักกันสุนัขนครพนม ยอมให้เจ้าของที่ตามมาเจอสุนัขนำกลับบ้านได้แล้ว ขณะที่ยอดบริจาคช่วยเหลือ สูงถึง 11 ล้านบาท ร้านขายอาหารสัตว์คึกคัก คนใจบุญแห่ซื้อเกลี้ยง

          สืบเนื่องจากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าช่วยเหลือสุนัขกว่า 1,000 ตัว ขณะเตรียมลำเลียงผ่าน จ.นครพนม ส่งไปขายที่ประเทศเวียดนาม เพื่อไปเป็นเมนูเปิบพิสดาร ซึ่งนายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้เปิดกองทุนรับบริจาคผ่านบัญชีธนาคารชื่อกองทุนช่วยเหลือสุนัข 2 บัญชี ทำให้มีผู้ใจบุญให้ความช่วยเหลือบริจาคเงิน และอาหารเป็นจำนวนมากนั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม นายเริงศักดิ์ เผยว่า ขณะนี้มีผู้บริจาคเงินช่วยเหลือสุนัขสูงถึง 11,500,000 บาทแล้ว

          โดย นายไพรัช ประทุมสุวรรณ ปศุสัตว์จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ตอนนี้ยังเหลือสุนัขที่มีชีวิต 993 ตัว สำหรับอาหารการกิน มีคนบริจาคพอประทังชีวิตสุนัขได้ประมาณ 1 เดือนครึ่ง เวลานี้มีสุนัขป่วยประมาณ 30 ตัว ที่ยังมีอาการทรุดหนักประมาณ 60 ตัว โดยมีสัตวแพทย์จากกรมปศุสัตว์มารักษาพยาบาลตลอดเวลาและทำการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าต้องดูแลต่อไปไม่ต่ำกว่า 2 เดือนจนกว่าคดีสิ้นสุด

          นอกจากมีผู้ใจบุญบริจาคเงินช่วยเหลือแล้ว ประชาชนอีกจำนวนหนึ่งก็ได้นำอาหารมาบริจาคช่วยเหลือ รวมประมาณ 4 ตัน ส่งผลให้ร้านจำหน่ายอาหารสัตว์ในนครพนมคึกคัก มีลูกค้ามาสั่งซื้อไปบริจาคช่วยสุนัขจนหมดร้าน จนต้องสั่งเพิ่ม ทำให้มีรายได้มากขึ้นหลายเท่าตัว

          สำหรับในขณะนี้ ชาวบ้านได้ทยอยเดินทางมาตรวจสอบสุนัขของตัวเอง ที่บริเวณกักกันสัตว์ บ้านภูเขาทอง ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม โดยทางเจ้าหน้าที่ให้เจ้าของที่ตามเจอสุนัของตัวเองที่หายไป สามารถนำกลับบ้านได้โดยไม่ต้องรอให้คดีความสิ้นสุดแล้ว แต่ให้ไปแจ้งความเป็นหลักฐาน และนำหลักฐานภาพถ่ายมาแสดงเพื่อขอรับสุนัขกลับ

          ขณะที่เจ้าหน้าที่สัตวแพทย์จากกรมปศุสัตว์ ก็ยังคงระดมรักษาสุนัขที่ได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้รอดชีวิตมากที่สุด และแยกสุนัขที่มีสุขภาพแข็งแรงออกจากสุนัขที่เจ็บป่วย เพื่อกันป้องกันการติดเชื้อ รวมถึงลงบันทึกทำทะเบียน เพื่อง่ายต่อการตรวจสอบอีกด้วย



[17 สิงหาคม] โผล่ซ้ำ! แก๊งค้าสุนัขศรีสะเกษ 50 ตัว รอส่งขาย






           โผล่อีกแก๊งค้าสุนัขข้ามชาติ พบสุนัขรอส่งขายที่ศรีสะเกษ ส่งเสียงเห่าหอนรอความช่วยเหลืออีก 50 ตัว ด้านเจ้าของสุนัขตามเจอที่นครพนมปล่อยโฮ ทางการไม่ให้สุนัขคืน บอกต้องรอให้สิ้นสุดคดีก่อน ยันจะดูแลอย่างดีที่สุด

           กรณีเจ้าหน้าที่ร่วมกับปศุสัตว์จังหวัดนครพนม สามารถจับแก๊งค้าสุนัขข้ามชาติได้ หลังกำลังลักลอบบรรทุกขนสุนัขจำนวน 2,000 ตัว เอาไว้ในกรงอย่างแออัด เพื่อเตรียมขายส่งออกประเทศเวียดนาม ซึ่งสุนัขทั้งหมดอยู่ในสภาพบอบช้ำ บาดเจ็บ และล้มตายเกือบพันตัว โดยมีประชาชนต่างทยอยเดินทางนำอาหารสุนัข และบริจาคเงินช่วยเหลือเป็นจำนวนมากนั้น

           ล่าสุดแก๊งค้าสุนัขข้ามชาติโผล่ซ้ำรอยที่จังหวัดศรีสะเกษ หลังชาวบ้านในอำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ แจ้งว่าที่หมู่บ้านในเขตอำเภอขุขันธ์ ยึดอาชีพรับซื้อขายสุนัขส่งออกขายต่างประเทศ เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปตรวจสอบ บริเวณกลางทุ่งนาห่างจากหมู่บ้านสนามสามัคคี ตำบลโสน อำเภอขุขันธ์ ไปเพียง 400 เมตร พบกรงสุนัขขนาดกว้าง 3 เมตร ยาว 6 เมตร มีตาข่ายเหล็ก 2 ชั้น ทำเป็นกรงหลังคามุงด้วยสังกะสี ภายในมีสุนัขถูกขังอยู่ประมาณ 50 ตัว ส่งเสียงเห่าหอนรอความช่วยเหลืออย่างน่าเวทนา
 
           ทั้งนี้ จากการสอบถามทราบว่า ปกติทุกเช้าชาวบ้านในหมู่บ้าน จะนำรถเข็นที่ดัดแปลงเป็นกรง ตระเวนไปรับซื้อสุนัขในราคา 300 – 500 บาทต่อตัว ตามหมู่บ้านต่าง ๆ เป็นประจำตลอดทั้งปี และยึดอาชีพนี้มาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว เนื่องจากสร้างรายได้ตกเดือนละ 25,000 – 30,000 บาท โดยจะนำเอาสุนัขดังกล่าว มาขายต่อให้กับเอเย่นต์รายใหญ่ในหมู่บ้าน เพื่อนำสุนัขมาพักไว้ รอส่งขายให้พ่อค้ารายใหญ่อีกทอดหนึ่งที่จังหวัดสกลนครและนครพนม

           นอกจากนี้ ยังพบว่าในหมู่บ้านมีนายหน้ารับซื้อสุนัขถึง 3 ราย แต่ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ดำเนินการใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางลำเลียง ที่ปล่อยให้มีการขนย้ายสุนัขจำนวนมาก ผ่านไปในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และไม่เคยถูกจับกุมแต่อย่างใด ทั้งนี้ สุนัขที่รอการส่งต่อไปยังต่างประเทศนั้น ยังถูกจำหน่ายให้กับลูกค้าทั่วไป เพื่อนำไปชำแหละเป็นอาหารอีกด้วย

           ขณะเดียวกัน ที่ด่านกักกันสัตว์จังหวัดนครพนม ยังมีประชาชนเดินทางเข้ามาตามหาสุนัขที่หาย โดยมีหญิงสาวคนหนึ่ง เดินทางจากกรุงเทพฯ เพื่อเดินทางมาตามหาสุนัขของเธอ ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ชื่อเจ้าถุงเงิน แต่หลังเจอสุนัขแสนรักแล้วก็ต้องผิดหวัง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยังไม่ให้พากลับบ้าน พร้อมกับอ้างว่าเป็นของกลาง ต้องรอคดีสิ้นสุดค่อยรับคืน ทำให้เธอถึงกับร่ำไห้ พร้อมเผยว่า เจ้าถุงเงิน หายไปจากบ้าน 2 สัปดาห์แล้ว ซึ่งเมื่อได้พบหน้ามันยังจำตนได้แต่ยังมีอาการหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด


เจ้าของสุนัข

เจ้าของสุนัข

เจ้าของสุนัขที่มาตามหาสุนัขที่นครพนม


          ด้านนายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า สุนัขที่เลี้ยงไว้ โดยเป็นของกลางนั้น ทำให้หนักใจมาก เพราะเป็นสิ่งมีชีวิต ต้องเก็บรักษาอย่างดีที่สุดจนกว่าคดีจะเป็นที่สิ้นสุด ตนเข้าใจดีถึงหัวอกของคนรักสุนัข เพราะเป็นเรื่องที่สะเทือนใจคนไทย ส่วนการคืนสุนัขให้เจ้าของนั้น ทางจังหวัดตั้งกติกาไว้ว่า ต้องมีพยานหลักฐาน เช่นรูปถ่าย หรือความรู้จัก ดังนั้นต้องเข้มงวดไว้ก่อน เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นเจ้าของจริงหรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้น เจ้าของจริงมาตามหาอาจวุ่นวายแน่นอน แต่ถ้าใช่ ต้องให้คดีสิ้นสุดก่อน จึงจะทำเรื่องคืนตัวกลับไป แต่ถ้ายืนยันว่าจะขอคืนจริง และพิสูจน์แล้วว่าเป็นเจ้าของจริง ก็จะให้คืนไป โดยพันธุ์สุนัขมีทั้งสายพันธุ์ดี และธรรมดารวมกันอยู่นับพันตัว

          ส่วนเงินบริจาคนั้น ล่าสุดได้ประมาณเกือบ 10 ล้านบาท น่าจะเพียงพอต่อการดูแลสุนัขทั้งหมดที่ช่วยมาได้ ตอนแรกตนเองไม่อยากรับเป็นเงิน แต่พี่น้องอยากให้เงินจึงต้องรับ ซึ่งเมื่อเห็นยอดเงินแล้วเกิดสำนึกถึงความรักความสงสารของพี่น้องประชาชน จึงได้สั่งการให้มีคณะกรรมการตั้งขึ้นมาดูแลเงินก้อนนี้แล้ว โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธาน มีหน้าที่ดูแลการใช้เงินให้โปร่งใสอย่างที่สุด ทั้งนี้จะเน้นเรื่องการรักษาพยาบาลของสุนัขให้ดีที่สุด

          ด้านนายโรเจอร์ โลหนันทน์ เลขาธิการสมาคมพิทักษ์สัตว์ (ไทย) กล่าวว่า สุนัขทุกตัวถือว่าเป็นของกลางในคดีที่ต้องรอคำพิพากษาจากศาล เจ้าหน้าที่จึงมีหน้าที่ดูแลของกลางทั้งหมดเหล่านี้อย่างดี แม้ที่ผ่านมาจะมีผู้มาติดต่อขอนำสุนัขไปเลี้ยงเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่สามารถส่งสุนัขคืนให้เจ้าของได้ จึงต้องให้ผู้มาติดต่อลงทะเบียนไว้ก่อน เพื่อจะได้รับคืนหลังจากศาลตัดสินคดีนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว

          ขณะที่นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รมช.สาธารณสุข กล่าวถึงประเด็นลักลอบขนสุนัขเพื่อส่งขายว่า ทางกระทรวงจะตรวจสอบและติดตามรายละเอียดต่อไป และส่วนตัวเห็นด้วยกับทางเอ็นจีโอที่ออกมาเรียกร้องให้เพิ่มโทษบุคคลที่ลักลอบค้าสุนัข พร้อมกันนี้ ทาง สธ.จะเข้าไปดูแลในเรื่องของโรคระบาดด้วย

          ในส่วนความคืบหน้าในการติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีนั้น ล่าสุด มีรายงานว่า นายอนุสรณ์ บุพศิริ และนายวีระวัฒน์ สวัสดี ซึ่งเป็นผู้ขับรถบรรทุกสุนัขที่หลบหนีไปได้นั้น ล่าสุด เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ศรีสงคราม แล้ว



[16 สิงหาคม] เปิดเส้นทางแก๊งค้าสุนัข แฉเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวส่วยหมา







          เปิดเส้นทางลำเลียงสุนัข เผยจ่ายส่วยหมา ทางฉลุย ด้านอาการสุนัขยังน่าเป็นห่วง ตายเพิ่มอีก 260 ตัว 

          แหล่งข่าววงการสุนัขรายหนึ่งได้เปิดเผยว่า แต่ ก่อนการค้าสุนัขมีแค่ที่ บ้านท่าแร่ ต.ท่าแร่ อ.เมือง จ. สกลนคร ที่เดียวเท่านั้น แต่ระยะหลังมีการขยายอาณาเขตไปตั้งอยู่ที่รอยต่อระหว่าง อ.กันทรวิชัย และ อ. โกสุมพิสัย จ. มหาสารคาม โดยมีนายทุนใหญ่จากเวียดนามเข้ามาทำธุรกิจเอง ทั้งนี้เมื่อคัดขนาดและน้ำหนักของสุนัขแล้ว สุนัขที่ได้มาตรฐานก็จะถูกขังใส่กรงขนาดกว้างประมาณ 80 เซนติเมตร สูง 45 เซนติเมตร โดยบรรจุกรงละ 8-10 ตัว นำขึ้นรถบรรทุกที่ใช้สะแลนสีดำปิดคลุมไว้แทนผ้าใบ เพราะถ้าใช้ผ้าใบสุนัขอาจขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตได้  ซึ่งสุนัขทั้งหมดจะถูกลำเลียงไปในช่วงเวลาพลบค่ำเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจ ค้น 

          แหล่งข่าวยังระบุอีกว่า สุนัขจาก จ.มหาสารคาม จะวิ่งตามถนนสาย 213 ผ่าน อ.ยางตลาด เข้าสู่ อ. สมเด็จ ข้ามเทอกเขาภูพานมุ่งเจ้าสู่ จ. สกลนคร ส่วนสุนัขที่สามารถช่วยเหลือได้ในครั้งนี้ จะลำเลียงผ่านเส้นทางย่อยระหว่าง ต. ท่าแร่ ไปยัง อ.ศรีสงคราม จ. นครพนม แต่ถ้าคราวใดที่มีการตั้งด่าน ก็จะเปลี่ยนมาใช้เส้นทางบ้านดอนเชียงบาน ผ่าน อ.นาหว้า จ.นครพนม ก่อนที่จะมุ่งสู่ อ.ศรีสงคราม จากนั้นจะใช้เส้นทาง บ.ปฏิรูป ไป บ.นาพระชัย เข้าเขต อ.บ้านแพง แต่ถ้าหากเจอด่านก็จะใช้เส้นทาง อ.นาหว้า ดอนสะฝาง มุ่งสู่ อ.บ้านแพง ไปลงเรือหางยาวลำเลียงผ่านที่แม่น้ำโขงขึ้นฝั่งที่ประเทศ สปป.ลาว โดยจะมีรถบรรทุกขนาดใหญ่จากเวียดนามขับมารอรับอยู่ 

          นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังระบุว่า การขนย้ายสุนัขต้องมีการจ่ายส่วย ที่เรียกกันว่า "ส่วยหมา" ซึ่งจะมีนายหน้าจ่ายให้ในระบบเหมารายเดือน เดือนละประมาณ 7-8 แสนบาท ทั้ง นี้เงินดังกล่าวจะถูกส่งไปยังเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ดูแลรับผิดชอบตลอดเส้นทาง ไปยับฝั่งโขง จากนั้นขบวนการดังกล่าวก็จะรับหน้าที่นำสุนัขทั้งหมดฟอกตัวให้ถูกกฎหมายแล้ว เดินทางต่อไปยังเวียดนามทันที เพียงแค่ 3 ชั้วโมงเท่านั้นสุนัขทั้งหมดก็จะถูกส่งไปยังมือพ่อค้าสุนัขที่มาคอยรับช่วง ต่อเพื่อนำไปขายในจังหวัดต่าง ๆ ของเวียดนาม 








สลด! สุนัขท้องแก่ ตายพร้อมลูก 4 ตัว

          การช่วยเหลือสุนัขที่ จ.นครพนม ทีมสัตว์แพทย์ได้เร่งยื้อชีวิตโดยการปั๊มหัวใจแม่สุนัขท้องแก่ หลังจากที่อ่อนเพลียเนื่องจากคลอดลูกเองไม่ได้ จนแพทย์ต้องทำการผ่าตัด แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตแม่และลูกสุนัขได้ทั้งหมด เหลือลูกสุนัขเพียง 5 ตัวจากทั้งหมด 9 ตัว 

          นอกจากนี้ยังมีสุนัขในด่านกักกัน นครพนม ที่บาดเจ็บสาหัสอีกเป็นจำนวนมากรอการรักษาอยู่ ซึ่งมีบางตัวถูกกระแทกจนกระดูกเท้าแตกละเอียด ทางสัตวแพทย์เกรงว่า จะติดเชื้อในกระดูกอาจต้องตัดขาทิ้ง ขณะที่อีกหลายตัวที่มีแผลฉกรรจ์ ทางแพทย์ต้องเร่งเย็บและปฐมพยาบาลเป็นการด่วน

          อย่างไรก็ดี ประชาชนที่ได้ทราบข่าวก็รวบรวมเงินกันซื้ออาหารสุนัข แล้วจ้างรถขนส่งมาส่งให้ยังด่านกักกันตลอดทั้งวัน ขณะเดียวกันก็ยังมีประชาชนที่ตามหาสุนัขเดินทางมาขอดูกันสุนัขกันอย่างไม่ ขาดสาย 

          ทางด้าน นายชูศักดิ์ พงษ์พานิชย์ เปิดเผยว่า ขณะ นี้มีเจ้าของสุนัขมาตามสุนัขที่หายแล้วพบหลายรายแล้ว แต่เนื่องจากคดียังไม่สิ้นสุด และสุนัขเหล่านี้เป็นของกลางในคดี ทางที่ประชุมจึงมีความเห็นว่า ให้เจ้าของสุนัขลงทะเบียนเอาไว้ ถ้าหากคดีสิ้นสุดก็จะดำเนินการคืนสุนัขให้เจ้าของต่อไป 





เจ้าตูบตายเพิ่ม 260 ตัว 

          นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า ขณะ นี้สุนัขตายเพิ่มอีก 260 ตัว ซึ่งสุนัขส่วนใหญ่ ยังอยู่ในสภาพอิดโรย บางตัวป่วยหนัก ไม่มีแรง บางตัวก็บาดเจ็บสาหัสจากการขนย้าย และการแออัดมาในลัง และบางลังก็เปียกชุ่ม คาดว่าตกน้ำ จึงทำให้สุนัขอาการหนัก และฟื้นตัวยาก 

ศาลนัดตัดสินคดีค้าสุนัข 26 ก.ย.

          นายโรเจอร์ โลหะนันท์ เลขาธิการสมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย พร้อมคณะได้เข้าตรวจสุขภาพสุนัขที่ถูกขังอยู่ที่ด่านกักกันสัตว์นครพนม โดยได้ทำการตรวจสุขภาพพร้อมติดหมายเลขประจำตัว และถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานทุกตัว อีกทั้งได้ทำการคัดแยกสุนัขที่ตาย สุนัขที่ป่วย และสุนัขปกติ โดยสุนัขที่มีชีวิตได้ทำการเลี้ยงแยกตามกลุ่มคดี  

          ทางศาลจังหวัดนครพนมได้นัดมีคำพิพากษาคดีนี้ในวันที่ 26 ก.ย.นี้ เหลือเวลาอีกประมาณ 40 วัน โดยศาลได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามคนขับรถบรรทุกที่ทิ้งรถหลบหนีอีกสอง คนมาอย่างเร่งด่วน ส่วนผู้ต้องหาชาวเวียตนาม คือ นายตรั่น วัน หาย ศาลยังไม่ให้ประกันตัว เพราะว่าเกรงจะหลบหนี 

รมว.เกษตรฯ ลั่นไม่มีนโยบายสนับสนุนธุรกิจนี้

          วานนี้ (15 สิงหาคม) นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตนได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ติดตามตรวจสอบปัญหาการลักลอบส่งออกสุนัขอย่าง เข้มงวด ถ้าหากตรวจพบก็จะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องตามขั้นตอนกฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยไม่มีการละเว้น ส่วนสุนัขที่รอดชีวิตมาได้ ก็จะให้ดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอาหาร วัคซีนต่าง ๆ 

          รมว.เกษตรและสหกรณ์ยังกล่าวอีกว่า สำหรับธุรกิจค้าเนื้อสุนัข ทางกระทรวงขอยืนยันไม่มีนโยบายสนับสนุน เพราะสุนัขไม่ใช่สัตว์ที่จะนำมาทำเป็นอาหาร แต่สุนัขมีฐานะเป็นเพื่อนของมนุษย์ แต่อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรต้องให้ความร่วมมือกัน โดยเฉพาะการจัดระบบดูแลสุนัขจรจัดในประเทศไทยเพราะสุนัขกลุ่มนี้ เป็นสุนัขกลุ่มเสี่ยงที่จะถูกจับไปขาย


[ 15 สิงหาคม ] สุนัขตายเพิ่มอีก - เจ้าของเฮตามเจ้าตูบเจอที่ด่านกักกัน
























          เจ้าหน้าที่เผยสุนัขตายเพิ่ม เร่งรักษาและฟื้นฟูเป็นการด่วน วอนบริจาคอาหาร เพราะสุนัขต้องอยู่จนกว่าจะสิ้นสุดคดี ขณะที่แม่ลูกคู่หนึ่งพบสุนัขตัวโปรดในด่านกักกันหลังจากหายไปกว่า 20 วัน ด้านเดลิเมล์เผย 13 ประเทศยังกินเนื้อสุนัข

          จากกรณีที่ตำรวจได้สกัดจับรถบรรทุกขนสุนัขเตรียมขายส่งออกเวียดนาม จำนวน 2,000 ตัว และสามารถจับกุมคนร้ายได้ 3 คน ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

          ความคืบหน้าล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสุขศาสตร์สัตว์ และสุขอนามัยที่ 4 จังหวัดขอนแก่น และสัตวแพทย์จากกรมปศุสัตว์จังหวัดนครพนม ได้เดินมาที่ด่านกักกันสัตว์นครพนม เพื่อช่วยรักษาและฟื้นฟูสุขภาพสุนัขที่ถูกแก๊งค้าสุนัขลักลอบไปขังไว้ในกรงอย่างแออัด โดยเจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้ช่วยกันปฐมพยาบาลสุนัขที่ได้รับบาดแผล และพ่นยาฆ่าเชื้อโรค ทั้งนี้เบื้องต้นจะต้องปล่อยสุนัขให้ฟื้นตัวได้ก่อนสัก 2-3 วัน จากนั้นจึงจะฉีดวัคซีน และทำหมันได้

          อย่างไรก็ตาม ในช่วงคืนที่ผ่านมา (14 สิงหาคม) สุนัขที่บอบช้ำและบาดเจ็บได้ล้มตายเพิ่มขึ้นเป็นสิบตัว จากที่ตายไปแล้วก่อนหน้านี้กว่า 700 ตัว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ขุดหลุมขนาดใหญ่เพื่อทำการฝังกลบแล้ว ส่วนชาวบ้านในละแวกดังกล่าวได้ทยอยเดินทางนำอาหารสุนัขมาให้ตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังมีประชาชนเดินทางเข้ามาตามหาสุนัขที่หายไป



[14 สิงหาคม] สุนัขเหยื่อเปิบตายเพิ่ม ผู้ว่าฯ เปิดบัญชีระดมเงินช่วยเหลือ






          โดยนางอรอนงค์ แขกวันวงศ์ อายุ 44 ปี ชาวบ้าน จ.บึงกาฬ ซึ่งมาพร้อมบุตรสาวและญาติ กล่าวว่า ตนได้เหมารถสองแถวออกจากบ้านตั้งแต่ตี 5 มาที่ด่านดังกล่าว เพื่อจะตามหาเจ้าไวไว สุนัขของตน เมื่อมาถึงตนต้องเดินเรียก และตามหาประมาณ 20 นาที กว่าที่จะได้เจอเจ้าไวไว ทางด้านลูกสาวกล่าว เพิ่มเติมว่า เจ้าไวไวเป็นพันธุ์พุดเดิ้ลผสมบางแก้ว สีดำ-ขาว อายุปีครึ่ง หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 54 ตอนแรกตนคิดว่า เจ้าไวไวคงจะถูกรถชนตาย แต่เดินหาโดยรอบในละแวกบ้านกลับไม่พบศพ จึงคิดว่ามันคงถูกขโมย และเมื่อได้ยินข่าวดังกล่าว ตนจึงชักชวนคุณแม่ให้พามาตามหาเจ้าไวไว จนพบในที่สุด ส่วนอาการของไวไวนั้น พบว่ามีแผลที่ข้อเท้าขวา หลัง และสะโพกซ้าย


เจ้าไวไว ได้พบเจ้าของ
เจ้าไวไว ได้พบเจ้าของ


          ด้าน นายชูศักดิ์ พงษ์พานิช หัวหน้าด่านกักกันสัตว์นครพนม กล่าวว่า อาหารสุนัขยังคงเป็นสิ่งที่ต้องการเป็นอย่างมากในขณะนี้ เพราะสุนัขเริ่มฟื้นตัวและเริ่มกินได้บ้างแล้ว คาดว่าอีก 3-4 วัน อาหารจะไม่เพียงพอ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ประสานงานไปยังต้นสังกัดเพื่อขอรับการสนับสนุนเพิ่มเติมแล้ว และในขณะเดียวกันก็ได้ขอรับบริจาคอาหารจากชาวบ้านไปด้วย เพราะสุนัขเหล่านี้ยังจะต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนานจนกว่าศาลจะสั่งปิดคดี ตนกลัวว่าประชาชนจะลืม











          สำหรับผู้ที่ต้องการบริจาคทรัพย์สิน หรืออาหารเพื่อช่วยสุนัขติดต่อได้ที่

          บัญชีเพื่อเป็นกองทุนช่วยเหลือสุนัข ชื่อบัญชี "กองทุนช่วยเหลือสุนัขจังหวัดนครพนม" ธนาคารกรุงเทพ สาขาโลตัส จังหวัดนครพนม เลขบัญชี 666-009-7947

          ส่วนผู้ที่ต้องการบริจาคอาหารให้ติดต่อได้ที่ ด่านกักกันสัตว์นครพนม หรือ ติดต่อถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 084-958-2134 และ 042-522-591 ตลอด 24 ชั่วโมง

          ขณะเดียวกัน หลังจากข่าวดังกล่าวเผยแพร่ไปทั่วโลก ก็ทำให้เว็บไซต์เดลิเมล์ เก็บตกรายชื่อ 13 ประเทศที่ยังบริโภคเนื้อสุนัขอยู่ ซึ่งปรากฎว่า อันดับ 1 ตกเป็นของประเทศจีนที่นิยมรับประทานเนื้อสุนัขมานานแล้ว และทุกวันนี้ก็ยังมีผู้บริโภคเนื้อสุนัขกันเป็นจำนวนมาก

          อันดับ 2 อินโดนีเซีย ที่จะนำเนื้อสุนัขไปตุ๋นเป็นอาหารจานเด็ด

          อันดับ 3 เม็กซิโก

          อันดับ 4 ฟิลิปปินส์

          อันดับ 5 ไต้หวัน โดยชาวไต้หวันนิยมบริโภคเนื้อสุนัขในฤดูหนาว โดยเฉพาะ "หมาดำ" ที่เชื่อกันว่าจะทำให้ร่างกายอบอุ่น

          อันดับ 6 เกาหลี ที่มีเมนูสุนัขจานเด็ดเรียกว่า "แกโกกิ"

          อันดับ 7 สวิตเซอร์แลนด์ โดยชาวชนบท ชาวพื้นเมืองของสวิตเซอร์แลนด์มักจะนำเนื้อสุนัขไปทำเป็นสเต๊ก หรือไส้กรอกรับประทาน

          อันดับ 8 เวียดนาม โดยเฉพาะทางตอนเหนือ ที่มักจะรับประทานกันมาก และเป็นอาหารชั้นเลิศราคาแพงอีกด้วย

          อันดับ 9 โพลีนีเซีย ทั้งบริเวณหมู่เกาะเฟรนช์ โพลีนิเซีย เกาะตาฮิติ และบริเวณรอบ ๆ

          อันดับ 10-13 พื้นที่บริเวณขั้วโลกเหนือ และขั้วโลกใต้ ได้แก่ ไซบีเรีย อลาสกา ทางตอนเหนือของแคนาดา และกรีนแลนด์ ซึ่งเหตุผลที่บริโภคเนื้อสุนัขเป็นเพราะบริเวณดังกล่าวไม่ค่อยมีเนื้อสัตว์อย่างอื่น มีเพียงแต่เนื้อสุนัขเท่านั้น








          สุนัขเหยื่อเปิบตายเพียบ หลังถูกขังอยู่ในกรงเล็ก ๆ เป็นเวลานาน เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือ ขณะที่คนใจบุญรักสุนัขแห่ช่วยเหลือเพียบ

          สืบเนื่องจากกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้นำกำลังตำรวจจับแก๊งค้าสุนัขส่งขายเวียดนาม ซึ่งเจอขบวนรถบรรทุกขนสุนัขร่วม 2,000 ตัว และเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมคนร้ายได้ 3 ราย แต่ทั้งนี้ยังประสบปัญหาขาดแคลนเงินช่วยเหลือสุนัขจำนวนมาก ตามที่ได้รายงานข่าวไปแล้วนั้น

          ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้เตรียมนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องศาลแล้ว ซึ่งหากผู้ต้องหารับสารภาพศาลจะทำได้เพียงสั่งปรับ นอกจากนี้ตั้งข้อหาผู้ต้องหา เช่น ไม่มีใบอนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์ ไม่มีใบอนุญาตค้าสัตว์ และกระทำการอันเป็นการทารุนต่อสัตว์

          ส่วนทางด้านประชาชนคนรักสุนัข หลังจากที่ทราบข่าว ได้โทรศัพท์ติดต่อสอบถามรายละเอียด มีชาวบ้านหลายรายนำอาหารมาบริจาคให้สุนัขบริเวณด่านกักกันสัตว์จังหวัดนครพนม รวมทั้งเจ้าของสุนัขหลายคนมาตรวจสอบว่ามีสุนัขที่หายตัวไปถูกนำมาไว้ที่นี่หรือไม่ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้จัดระเบียบด้วยการจัดสมุดบันทึกให้ลงรายชื่อไว้เพื่อเป็นหลักฐาน

          โดยในวันนี้ (14 สิงหาคม) มีสุนัขตายเพิ่มเติมอีก เนื่องจากอยู่ในกรงที่แออัด ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งนำซากออกจากกรง และบางตัวมีอาการบาดเจ็บ และอ่อนล้าอยู่ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังคงต้องการอาหาร และยารักษาโรคอีกจำนวนมาก เพราะมีสุนัขที่ต้องดูแลรวมกันกว่า 1,200 ตัว

          ทางด้านนายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้เปิดบัญชีเพื่อเป็นกองทุนช่วยเหลือสุนัขเหล่านี้แล้วชื่อบ้ญชี "กองทุนช่วยเหลือสุนัขจังหวัดนครพนม" ธนาคารกรุงเทพ สาขาโลตัส จังหวัดนครพนม เลขบัญชี 666009794

          ส่วนผู้ที่ต้องการบริจาคอาหารให้ติดต่อได้ที่ด่านกักกันสัตว์นครพนม หรือ ติดต่อถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 084 958 2134 และเบอร์ 042 522 591 ตลอด 24 ชั่วโมง



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
  
            


 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ร้องปรับแผนดูแลสุนัขนครพนม - เบิกจ่ายงบล่าช้า อัปเดตล่าสุด 1 กันยายน 2554 เวลา 14:49:19 3,616 อ่าน
TOP
x close