ตูบถูกทิ้งในป่า ติดแหง็กในน้ำมันดิน สภาพอ่อนล้าน่าสงสาร ในที่สุดก็มีคนใจดีเข้าช่วย

          ตูบแสนเศร้า ถูกเจ้านายทิ้ง แถมยังติดแหง็กในน้ำมันดิน เหนียวหนืดจนขยับตัวไม่ได้ ทำได้เพียงนอนนิ่ง ส่งเสียงเห่าด้วยความหวังอันเลือนราง แต่ในโชคร้ายยังมีโชคดี เมื่อคนใจดีเกิดได้ยินเสียง
          นับเป็นช่วงเวลาอันแสนสิ้นหวังสำหรับเจ้าตูบตัวหนึ่ง ที่นอกจากจะโชคร้ายถูกเจ้าของที่ไม่ต้องการนำมาปล่อยทิ้งไว้ในเขตป่า มันยังเคราะห์ร้ายเดินมาติดในบ่อน้ำมันดิน ที่มีความเหนียวหนึบจนไม่สามารถขยับร่างกายหนีไปไหนได้ ทำได้เพียงนอนนิ่งอยู่ตรงนั้น พลางส่งเสียงเห่าขอความช่วยเหลือ ด้วยความหวังอันริบหรี่ว่าจะมีใครสักคนเข้ามาช่วยเหลือมัน

          อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางโชคร้ายก็ยังมีโชคดีแฝงอยู่ เมื่อคนงานรายหนึ่งที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เมืองซูวาลกี ประเทศโปแลนด์ เกิดได้ยินเสียงเห่านั้นเข้า มันเป็นเสียงเห่าของสุนัขที่ลอยมาจากพื้นที่ไกล ๆ ภายในโซนป่า ลักษณะการเห่าไม่หยุดนั้นทำให้เขาเกิดความกังวล รับรู้ได้ว่าสุนัขตัวนี้กำลังต้องการความช่วยเหลือเป็นแน่
          เมื่อคิดได้ดังนั้นทำให้คนงานรายดังกล่าวรีบติดตามเสียงนั้นไป กระทั่งได้พบกับสุนัขตัวหนึ่งที่นอนนิ่งอยู่ในแอ่งน้ำเล็ก ๆ ที่มีคนแอบนำน้ำมันดินมาทิ้งอย่างผิดกฎหมาย นี่เองคือเจ้าของเสียงร้อง ที่กำลังรอคอยความช่วยเหลือ

          ด้านเว็บไซต์เดอะโดโด้ รายงานว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2562 โดยหลังจากที่คนงานพบเจอสุนัข เขาก็พยายามจะช่วยนำมันออกมาจากน้ำมันดิน แต่เมื่อเขาไม่สามารถแกะตัวมันออกมาได้ จึงตัดสินใจติดต่อไปยัง โจอันนา กอดลีวส์กา เจ้าหน้าที่จากมูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ Niczyje Animal Foundation ซึ่งเมื่อเธอทราบเรื่อง ก็รีบเดินทางมาอย่างรวดเร็ว
          "ตอนที่ฉันมาถึงแล้วเห็นสุนัขนอนอยู่ในน้ำมันดิน น้ำตาของฉันก็ไหลออกมา" โจอันนา เผย โดยเธอเชื่อว่าสุนัขตัวนี้น่าจะถูกเจ้าของนำมาทิ้ง มันคงพยายามหาความอบอุ่นขณะอยู่ในป่าที่มีอากาศหนาวเย็น แต่กลับต้องไปติดอยู่ในแอ่งน้ำมันดินนั้น ไม่มีใครรู้เลยว่าสุนัขที่น่าสงสารติดอยู่ตรงนี้มานานแค่ไหนแล้ว แต่ก็นานพอที่จะทำให้มันอยู่ในสภาพอ่อนล้าหมดแรง และคาดว่าต้องไม่รอดชีวิตอย่างแน่นอน หากไม่มีคนมาพบเข้า

          เพื่อจะช่วยเหลือสุนัขตัวนี้ โจอันนากับเจ้าหน้าที่คนอื่นค่อย ๆ ตัดขนของมันตรงที่มีน้ำมันดินติดหนึบออก พยายามหาทางทำให้น้ำมันดินคลายตัว จนกระทั่งอุ้มเจ้าตูบตัวนี้ออกมาได้สำเร็จ พวกเขาพามันไปยังคลินิกสัตว์ทันที ซึ่งสัตวแพทย์ได้ช่วยรักษาอาการอ่อนเพลียของมัน รวมถึงช่วยล้างเอาน้ำมันดินออกไปจากตัวของมันให้ได้มากที่สุด
          แม้การล้างน้ำมันดินออกจากตัวเจ้าตูบจะเป็นงานที่ยุ่งยากและยังต้องใช้เวลา มันต้องล้างตัวอีกหลายต่อหลายครั้งกว่าที่จะสะอาดเรียบร้อย แต่มันก็คุ้มค่ากับการลงแรงของทุก ๆ คน

          นอกจากการช่วยเหลือด้านร่างกายแล้ว อีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่เจ้าหน้าที่จากมูลนิธิต้องทำ ก็คือการช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจของสุนัขตัวนี้ ให้ความรักและความเอาใจใส่ของพวกเขาได้เข้ามาปลอบโยนหัวใจที่แสนเศร้าของมันหลังจากถูกทอดทิ้ง จากนั้นจึงเป็นการช่วยหาบ้านหลังใหม่ที่พร้อมจะให้ความรักแก่มันตลอดไป ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะโจอันนาตั้งใจไว้ว่าจะเป็นผู้อุปการะสุนัขแสนน่ารักตัวนี้เอง เมื่อเวลาที่เหมาะสมมาถึง