x close

อาคิตะ...น้องหมาผู้ซื่อสัตย์ จากแดนอาทิตย์อุทัย


สุนัขพันธุ์อาคิตะ
อาคิตะ

สุนัขพันธุ์อาคิตะ
อาคิตะ


Akita : ยอดสุนัขผู้ซื่อสัตย์ (Dogazine)

เรื่องโดย Sir-Oh

          หากพูดถึงความซื่อสัตย์แล้วล่ะก็ หลาย ๆ คนคงต้องนึกถึงสุนัขเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน ยิ่งสำหรับชาวญี่ปุ่นด้วยแล้ว สุนัขที่พวกเขาถือว่าซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อเจ้าของมากที่สุดก็คือ สุนัขสายพันธุ์ อาคิตะ จนถึงกับมีการขนานนามจากทั่วโลกว่า "The Loyal Friend from the Land of the Rising Sun" หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า "เพื่อนผู้ซื่อสัตย์จากแดนอาทิตย์อุทัย" นั่นเอง

          ด้วยความซื่อสัตย์จนเป็นที่กล่าวขวัญของคนทั่วไป สุนัขสายพันธุ์อาคิตะ จึงเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นทั่วโลก เปิดโลกสายพันธุ์สัตว์เลี้ยงวันนี้ จึงขอพาเพื่อน ๆ ไปเปิดโลกของสุนัขสายพันธุ์อาคิตะ กันค่ะ

เปิดโลก อาคิตะ...ยอดสุนัขผู้ซื่อสัตย์

          ประวัติของ อาคิตะ

          สุนัขสายพันธุ์อาคิตะ เป็นสุนัขประจำชาติของญี่ปุ่น มีถิ่นกำเนิดในเมืองฮอนชู ซึ่งในสมัยก่อนนั้น อาคิตะ จะถูกเพาะสุนัขพันธุ์และเลี้ยงไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้เป็นสุนัขอารักขาองค์จักรพรรดิ์ และใช้งานเป็นสุนัขล่าสัตว์ต่าง ๆ เช่น กวาง นก และหมี อีกทั้งยังใช้งานในกกองทัพทหาร
และตำรวจอย่างกว้างขวางอีกด้วย

          ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สายพันธุ์อาคิตะเริ่มเข้าสู่วิกฤตอย่างแท้จริง เนื่องจากจำนวนของสุนัขสายพันธุ์นี้ลดลงเป็นจำนวนมากจากสาเหตุของการขาดแคลนอาหาร นอกจากนี้ ยังมีการสั่งให้จับกุมและคุมขังสุนัขทุกตัว นอกเหนือจากสุนัขสายพันธุ์เยอรมัน เชพเพิร์ด ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ในสงคราม ทำให้สุนัขสายพันธุ์ต่าง ๆ ขาดอาหารและล้มตายเป็นจำนวนมาก

          ภายหลังสงครามจบสิ้นลง จึงเริ่มมีการฟื้นฟูสุนัขสายพันธุ์อาคิตะ ขึ้นมาใหม่ ซึ่งในช่วงนี้เองที่อาคิตะถูกชาวอเมริกันที่หลงรักในสุนัขสายพันธุ์นี้นำเข้าไปยังอเมริกาจำนวนมาก และได้รับการพัฒนาสายพันธุ์จนกลายเป็น อเมริกัน อาคิตะ นอกเหนือจากแจแปนนิส อาคิตะ ที่เป็นสายพันธุ์ดั้งเดิม

          อย่างไรก็ตาม ในภายหลังสมาคมผู้พัฒนาพันธุ์สุนัขของสหรัฐอเมริกาและสมาคมผู้พัฒนาสายพันธุ์สุนัขของแคนาดา ได้ร่วมมือกันทำการวิเคราะห์อเมริกัน อาคิตะ และแจแปนิส อาคิตะ จนได้ข้อสรุปว่า ทั้งสองสายพันธุ์มีลักษณะต่างกัน แต่เป็นสายพันธุ์เดียวกัน ซึ่งต่อมาในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ.2006 สมาคมผู้พัฒนาพันธุ์สุนัขของประเทศอังกฤษ จึงได้ข้อสรุปว่า แจแปนนิส อาคิตะ เป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมที่ไมีมีการผสมข้ามสายพันธุ์แต่อย่างใด

          อุปนิสัยของ อาคิตะ

          อาคิตะ เป็นสายพันธุ์สุนัขที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ค่อนข้างรักสันโดษ และไม่ค่อยแสดงความรู้ออกมาให้เห็นนัก ไม่ว่าจะกับเจ้าของ คนแปลกหน้า หรือสัตว์เลี้ยงด้วยกันเอง พวกเขามักไม่ค่อยเข้าใกล้คนแปลกหน้า จึงจำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนให้เข้าสังคมอย่างเพียงพอ เพื่อลดความก้าวร้าวที่อาจเกิดขึ้นเมื่อพบคนแปลกหน้า

          นอกจากนี้ อาคิตะ ยังเป็นสุนัขที่ฉลาด อดทน มีพลัง ห้าวหาญ กล้าตัดสินใจ โดยอุปนิสัยที่ถือเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของสุนัขสายพันธุ์นี้ คือความซื่อสัตย์และความจงรักภักดีต่อเจ้าของ พวกเขาได้รับการยกย่องในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนทั่วโลกหันมาชื่นชมและสนใจเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้กันมากขึ้นตามลำดับ

          อย่างไรก็ตาม อาคิตะก็มีอุปนิสัยที่เป็นข้อเสียอยู่เช่นกัน เพราะพวกเขามักมีอาการเบื่อง่าย หรือขี้เบื่อ จนอาจนำไปสู่พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ได้ หากผู้เลี้ยงไม่มีเวลาดูแลเลี้ยงดูเพียงพอ


สุนัขพันธุ์อาคิตะ
อาคิตะ

          ปัญหาทั่วไปของ อาคิตะ

          แม้สุนัขสายพันธุ์อาคิตะ จะมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องราวของความซื่อสัตย์ และจงรักภักดีต่อเจ้าของเป็นอย่างมาก แต่สุนัขสายพันธุ์นี้ ก็สามารถสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับเจ้าของ หรือผู้เลี้ยงได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่รักสุนัข และเลี้ยงสุนัขไว้ในบ้านหลายตัว เพราะอาคิตะมีแนวโน้มที่จะก้าวร้าวหรือาจถึงขั้นโจมตีสุนัขตัวอื่น และหากผู้เลี้ยงแสดงท่าทีใจดีและอ่อนโยนมากเกินไป อาคิตะอาจแสดงความพลังและก้าวร้าว เพื่อแย่งชิงอันดับชั้นฝูงของสุนัขในบ้านเลยทีเดียว

          นอกจากนี้ แม้สุนัขสายพันธุ์อาคิตะ จะเป็นสุนัขที่สามารถทนกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นได้ดี แต่ในทางตรงข้าม พวกเขามีความสามารถในการทนอากาศร้อนได้ในระดับต่ำ ดังนั้น ผู้เลี้ยงจึงควรหลีกเลี่ยงการเลี้ยงดูสุนัขสายพันธุ์นี้ไว้ในที่ที่มีอากาศร้อนจัด


ฮาจิโกะ...ตำนานที่เล่าขานในแดนอาทิตย์อุทัย

          ฮาจิโกะ (Hachiko) เป็นสุนัขสายพันธุ์อาคิตะ เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ.1923 ที่เมืองโอดาเตะ จังหวัดอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น และเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ.1935 ที่ย่านชิบูยะ ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ขณะอายุได้ 11 ปี โดยฮาจิโกะเป็นที่จดจำของผู้คนในฐานะของสัญลักษณ์แห่งความจงรักภักดีที่มีให้กับเจ้านายของมัน จนได้รับการขนานนามว่า ฮาจิโกะ...สุดยอดสุนัขผู้ซื่อสัตย์

          ฮาจิโกะได้พบกับเจ้านายของมันคือ เอซะบุโระ อุเอะโนะ ศาสตราจารย์ประจำคณะเกษตรศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล(มหาวิทยาลัยโตเกียวในปัจจุบัน) นับตั้งแต่มันอายุได้เพียง 2 ขวบ ทุกวันที่เจ้านายต้องไปสอนหนังสือ ฮาจิโกะจะคอยส่งเจ้านายถึงประตูหน้าบ้าน โดยอุเอะโนะต้องไปขึ้นรถไฟที่สถานีชิบูยะ จากนั้นเมื่อถึงเวลาเลิกงาน 15.00 น. ฮาจิโกะก็จะมารอพบเจ้านายของมันที่สถานีรถไฟเสมอ ทว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นในวันที่ 21 เดือนพฤษภาคม ค.ศ.1925 เมื่อ ศาสตราจารย์ อุเอะโนะ เกิดอาการเส้นโลหิตในสมองแตก และเสียชีวิตขณะอยู่ที่มหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตาม ในวันนั้น ฮาจิโกะยังคงมารอเจ้านายของมันที่สถานีรถไฟ โดยไม่มีทางรู้ได้เลยว่า มันจะไม่ได้พบกับเจ้านายของมันอีกแล้ว

          หลังจากที่ศาสตราจารย์เสียชีวิตลง ทุกวันเมื่อถึงเวลา 15.00 น. เจ้าฮาจิโกะยังคงวิ่งไปรอเจ้านายของมันที่สถานีรถไฟไม่เคยขาด ทำให้เรื่องราวความซื่อสัตย์ของมัน เริ่มเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อเรื่องราวของมันถูกตีพิมพ์ลงบนหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1932 ทำให้ผู้คนทั่วสารทิศเดินทางมาดู มาเล่นกับเจ้าฮาจิโกะ นอกจากนั้น ชาวญี่ปุ่นยังได้ยกให้เจ้าฮาจิโกะเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับเด็ก ๆ อีกด้วย

          ในเดือนเมษายน ค.ศ.1934 อันโดะ เทะรุ ศิลปินชื่อดังจึงได้ทำรูปหล่อทองแดงของเจ้าฮาจิโกะขึ้นมาเพื่อยกย่องในความซื่้อสัตย์ของมัน และนำไปตั้งไว้ที่สถานีรถไฟชิบูยะ จนในเดือนมีนาคม ค.ศ.1935 มีคนพบว่าฮาจิโกะนอนตายยังจุดที่มันคอยมารอเจ้านายของมันทุกวันมานานกว่า 10 ปี ซึ่งข่าวการตายของฮาจิโกะนั้นถือว่าเป็นข่าวใหญ่มาก จนถูกตีพิมพ์ลงบนหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น ซึ่งร่างของฮาจิโกะนั้นถูกนำไปเก็บรักษาเอาไว้ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ในกรุงโตเกียว

          ต่อมา ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นจำเป็นต้องใช้เหล็กและโลหะเป็นอย่างมาก จนถึงกับต้องเอารูปหล่อของเจ้าฮาจิโกะมาหลอม ทว่าในเวลาต่อมาได้มีการจัดทำรูปหล่อของฮาจิโกะขึ้นมาอีกครั้งในเดือน สิงหาคม ค.ศ.1947 และศิลปินผู้รับหน้าที่นี้ก็คือ อันโดะ ทะเคะชิ ลูกชายของ อันโ ดะ เทะรุ ผู้ที่ทำหน้าที่สร้างรูปหล่อฮาจิโกะเมื่อครั้งแรกนั่นเอง

          ทั้งนี้ นอกจากรูปหล่อที่ย่านชิบูยะแล้ว ยังคงมีรูปปั้นที่เตือนให้ระลึกถึงฮาจิโกะอยู่อีกหลายแห่ง เช่น ที่หน้าสถานีรถไฟโอะดะเตะ ในจังหวัดอากิตะ บ้านเกิดของเจ้าฮาจิโกะ เป็นต้น ส่วนเรื่องของเจ้าฮาจิโกะยังคงเป็นที่เล่าขานในญี่ปุ่น ถึงขนาดมีการนำไปสร้างเป็นละคร ภาพยนตร์ การ์ตูน และอื่น ๆ อีกมากมาย จนล่าสุด ได้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง ฮาชิ (Hachi)





ขอขอบคุณข้อมูลจาก








เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อาคิตะ...น้องหมาผู้ซื่อสัตย์ จากแดนอาทิตย์อุทัย อัปเดตล่าสุด 4 พฤศจิกายน 2553 เวลา 15:13:27 8,626 อ่าน
TOP