สงคราม คำ ๆ นี้ไม่เคยมอบสิ่งที่ดีให้กับมนุษย์ เมื่อใดที่สงครามเข้ามา ก็มีแต่ความสูญเสีย และเมื่อสงครามจากไป ก็หลงเหลือไว้ให้แต่ความเจ็บปวด ไม่ใช่แค่เฉพาะกับมนุษย์เท่านั้น บรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายก็เช่นกัน
ในขณะที่มนุษย์ทหารได้รับเหรียญตรายกย่องเชิดชูเกียรติ จากการทำคุณงามความดีต่าง ๆ ในสนามรบ ยังมีสัตว์กลุ่มหนึ่งที่ถูกพาไปเสี่ยงอันตรายกลางไฟสงคราม อีกทั้งยังมีบุญคุณกับมนุษย์ทั้งหลายอย่างใหญ่หลวง แต่พวกมันกลับถูกลืมเลือนไปอย่างเงียบ ๆ
เว็บไซต์เดลี่เมล ได้รวบรวมสัตว์ 8 ตัว ที่เคยมีบทบาทสำคัญอย่างมากในสนามรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นั่นคือสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 มาให้ได้ชมกัน ซึ่งขอบอกว่าแต่ละตัวนั้นช่างกล้าหาญชาญชัย แบบที่มนุษย์อย่างเราคิดไม่ถึงเลยทีเดียว
แจ็คกี้ พลทหารบาบูน
ภาพจาก wildlifetv
แจ็คกี้เป็นลิงบาบูนชัคม่า มันถูกพามาที่ประเทศฝรั่งเศสโดยทหารแอฟริกาใต้ เพื่อเป็นมาสคอตสำหรับทหารราบหน่วยที่ 3 ของกองทัพแอฟริกาใต้ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
ด้วยความสามารถด้านสายตาที่เฉียบแหลม และประสาทการรับเสียงที่ดีเยี่ยม แจ็คกี้จึงกลายเป็นอุปกรณ์เตือนภัยอย่างดีของกองทัพทหาร มันจะเตือนพวกเขาด้วยการส่งเสียงสัญญาณ หรือไม่ก็ดึงชายเสื้อทหาร เมื่อมันรับรู้ว่ามีศัตรูอยู่ใกล้ ๆ
นอกจากนี้ กองทัพยังฝึกให้แจ็คกี้สวมชุดเหมือนทหาร ฝึกวิธีทำความเคารพแบบทหาร และยังฝึกให้ใช้ช้อนส้อมในการกินอาหาร และยังให้ดื่มน้ำจากถ้วยเหมือนมนุษย์ด้วย
แจ็คกี้ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบที่สมรภูมิ Delville Wood ในขณะที่มันพยายามจะสร้างกำแพงหินขึ้นมาปกป้องตัวเองจากพลสไนเปอร์แต่ไม่สำเร็จ มันถูกกระสุนไรเฟิลเจาะเข้าที่ขาขวาอย่างจังและบาดเจ็บสาหัสมาก ถึงแม้กองทัพจะพยายามช่วยชีวิตมันไว้ แต่สุดท้ายก็ต้องให้แจ็คกี้จากไปด้วยดี เพราะไม่ต้องการเห็นมันทนทรมานอีกต่อไป
เทียร์พิตส์ หมูน้อยสู้ชีวิต
ภาพจาก britishbattles
แรกเริ่มเดิมที เทียร์พิตส์ เป็นหมูไร้ชื่อ อาศัยอยู่บนเรือ SMS Dresden ที่ถูกเลี้ยงไว้เป็นอาหารสำหรับทหารเยอรมัน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 มันมีชีวิตอยู่เพื่อรอความตายไปวัน ๆ จนกระทั่งวันที่เรือ Dresden ถูกจมลงก้นทะเลระหว่างการสู้รบกับเรือ HMS Glasgow ในยุทธการ Más a Tierra เจ้าหมูจึงได้รับอิสระอย่างเต็มตัวในวันนั้นเอง
หมูน้อยว่ายน้ำไปหาเรือ HMS Glasgow ที่ซึ่งทหารเรือเองก็ใจดีพอจะรับหมูมาอยู่เพิ่มด้วยอีกตัวหนึ่ง และนับจากนั้นมามันก็กลายเป็นมาสคอตที่แสนน่ารักประจำเรือลำนี้ พวกเขาตั้งชื่อให้มันว่า เทียร์พิตส์ ตามชื่อของนายพลกองทัพเรือชาวเยอรมัน อัลเฟร็ด วอน เทียร์พิตส์
เทียร์พิตส์อาศัยอยู่บนเรือแห่งนี้นานกว่า 1 ปี จากนั้นก็เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้น เมื่อมันถูกส่งไปอยู่ที่โรงเรียนฝึกปืนใหญ่ในพอร์ตสมัท และถูกจับตัวไปประมูลขายเพื่อเป็นเงินทุนให้กับสภากาชาดอังกฤษ
หัวของเทียร์พิตส์ยังถูกสตาฟเอาไว้อย่างดี และติดประดับไว้ที่ผนังของพิพิธภัณฑ์สงครามจักรวรรดิอังกฤษ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
จีไอ โจ นกพิราบลมกรดผู้ได้รับเหรียญกล้าหาญ
ภาพจาก ww2today
จีไอ โจ เป็นชื่อของนกพิราบสื่อสารตัวหนึ่ง ในหน่วยนกพิราบสื่อสารกองทัพสหรัฐอเมริกา ด้วยความกล้าหาญและวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่ของมันในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้มันเป็นสัตว์ตัวแรกซึ่งไม่ใช่สัตว์สัญชาติอังกฤษ ที่ได้รับเหรียญกล้าหาญ Dickin Medal จากกองทัพอังกฤษ
เจ้าโจ ช่วยชาวบ้านในหมู่บ้าน Calvi Vecchia ประเทศอิตาลี และทหารในกองทัพอังกฤษหลายนายไว้ ด้วยการส่งสารเตือนให้ทุกคนรู้ก่อนจะเกิดการทิ้งระเบิดครั้งใหญ่ ทำให้มันสามารถปกป้องความสูญเสียที่อาจเกิดไว้ได้มากมายเลยทีเดียว
หลังจบสงคราม โจเกษียณตัวเองไปใช้ชีวิตในบั้นปลายที่สวนอนุรักษ์สัตว์ป่ารัฐดีทรอยต์ สหรัฐอเมริกา และมันสิ้นลมหายใจเมื่อตอนอายุ 18 ปี ร่างของโจถูกสตาฟเอาไว้อย่างดี และถูกวางแสดงโชว์ที่ Fort Monmouth ซึ่งปิดตัวลงไปเมื่อปี 2554
ซิวาช ยอดเป็ดทหารเรือ
ภาพจาก tarawaontheweb
ซิวาช เป็นเป็ดทหารเรือยศนายสิบ ผู้รักการต่อสู้ในสนามรบอย่างกล้าหาญ และรักการดื่มเบียร์เป็นชีวิตจิตใจ ทหารเรือนายหนึ่งชนะเกมไพ่โป๊กเกอร์แล้วได้มันมาเป็นรางวัล จึงพามันขึ้นเรือนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ซิวาชได้รับบาดเจ็บในศึก Battle of Tarawa ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากมันต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตายกับไก่ของกองทัพญี่ปุ่นตัวหนึ่ง ทำให้เพื่อนทหารของมันมอบเหรียญตราชื่อ Purple Heart เพื่อเป็นเกียรติในความกล้าหาญไม่กลัวตายของมัน
เรื่องตลกของซิวาชคือ ทหารเรือทุกนายคิดว่ามันเป็นตัวผู้มาตลอดในช่วงสงคราม จนกระทั่งมันถูกปลดเกษียณและย้ายไปอยู่ที่สวนสัตว์ลินคอร์นพาร์ค และตายด้วยโรคตับวายในปี 2497
วอริเออร์ ม้าสงครามตัวจริง ที่เยอรมันก็ฆ่าไม่ตาย
ภาพจาก warriorwarhorse
วอริเออร์เป็นม้าศึกของอังกฤษ ที่มีวีรกรรมเล่าขานต่อกันมามากมายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่ว่าจะเป็นความกล้าหาญไม่เกรงกลัวตาย ฝีเท้าที่สามารถหลบกระสุน ระเบิด และดาบปลายปืนได้อย่างคล่องแคล่ว รวมถึงยังเอาชีวิตรอดจากตึกที่ถูกไฟไหม้ได้ถึง 2 ครั้ง ด้วยวีรกรรมทั้งหมดนี้เอง ทำให้วอริเออร์ ได้รับสมญานามว่า ม้าศึกที่แม้แต่เยอรมันยังฆ่าไม่ตาย
ครั้งหนึ่ง วอริเออร์เคยเข้าร่วมรบในแนวหน้าฝั่งตะวันตก ของศึก Battle of the Somme ในปี 2457 มันเอาตัวรอดจากห่ากระสุนปืนกลได้ แต่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกแทง ถึงกระนั้นมันก็ยังกลับมาร่วมรบอีกถึง 2 ครั้ง หลังจากรักษาตัวจนหายดีแล้ว
หลังจบสงคราม วอริเออร์กลับบ้านเกิดในเกาะ Isle of Wight และมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างสงบสุขกับครอบครัว จนกระทั่งตายเมื่อตอนอายุ 33 ปี
วอตเทียค หมีทหารยศสิบโท แห่งกองทัพโปแลนด์
ภาพจาก wikipedia
จ่าวอตเทียค คือชื่อและยศของหมีสีน้ำตาล ที่ถูกพามาจากประเทศซีเรียตั้งแต่ยังเด็ก และได้รับการเลี้ยงดูจนเติบโตโดยกองทหารราบโปแลนด์ มันเป็นที่รักของทหารทุกคน ด้วยความขี้เล่นและซุกซนเหมือนเด็ก ๆ นั่นเอง
จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพโปแลนด์ได้มีคำสั่งให้นำหมีมาร่วมรบด้วย วอตเทียคจึงได้สังกัดอยู่ในกองทหารปืนใหญ่สนับสนุนที่ 22 แห่งกองทัพโปแลนด์ มันมีหน้าที่แบกลูกปืนใหญ่ เพื่อลำเลียงไปให้ทัพหน้า ซึ่งถือเป็นงานที่เสี่ยงตายพอดู
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง วอตเทียคได้รับแต่งตั้งเป็นทหารยศสิบโท และกองทัพโปแลนด์ได้เปลี่ยนสัญลักษณ์ของหน่วยปืนใหญ่สนับสนุนที่ 22 ให้กลายเป็นรูปหมีแบกกระสุนปืนใหญ่ เพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าวอตเทียคสหายผู้ร่วมรบ
วอตเทียคใช้เวลาที่เหลือในชีวิตอยู่ที่สวนสัตว์เอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ ก่อนจะหมดลมหายใจอย่างสงบในปี 2506 ด้วยวัย 22 ปี
จ่าสตับบี้ สุนัขวีรบุรุษแห่งสงครามโลกครั้งที่ 1
ภาพจาก stubbydog
สุนัขพันธุ์บูลเทอร์เรียผสม ขนสั้นเกรียนตัวนี้ ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษสงครามตัวจริง ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วยความกล้าหาญไม่กลัวตาย และวีรกรรมอีกมากมายที่ช่วยชีวิตทหารได้นับร้อย
ก่อนหน้านี้ ไม่มีใครคาดคิดว่าสตับบี้จะได้เป็นสุนัขสงคราม เพราะมันเป็นหมาพันธุ์ผสมตัวอ้วนเตี้ย และทหารนายหนึ่งที่ชื่อ โรเบิร์ต คอนรอย ได้บังเอิญไปพบมันเข้าระหว่างกำลังเดินหลงทาง จึงแอบเก็บมันมาซ่อนไว้ในกระเป๋าก่อนพาขึ้นเรือไปด้วยกัน ต่อมาสตับบี้ถูกจับได้ แต่มันก็กลายเป็นมาสคอตขวัญใจหน่วยอินฟราทรีที่ 102 และหน่วยแยงกี้ที่ 26
สตับบี้เคยเหยียบกับระเบิดเข้าจัง ๆ จนได้รับบาดเจ็บที่ขา อีกทั้งยังเคยสูดแก๊สพิษเข้าเต็ม ๆ แต่ไม่ตาย นับจากนั้นมามันจึงกลายเป็นหมาดมกลิ่นระวังภัยแก๊สพิษไปโดยปริยาย
นอกจากนี้ สตับบี้ยังมีหน้าที่ส่งเสบียงให้ทหารแนวหน้า ด้วยตัวขนาดเล็กของมันทำให้มันไม่ตกเป็นเป้าสายตา และยังลอดผ่านรั้วหนามที่มนุษย์ผ่านไปไม่ได้ รวมถึงยังเป็นหน่วยแพทย์ ที่ช่วยดมกลิ่นตามหาทหารที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต อีกทั้งหูของมันยังดีมาก ๆ จนสามารถได้ยินเสียงลูกระเบิดที่ลอยมา และเห่าเตือนเพื่อนร่วมหน่วยให้หาที่หลบภัยก่อนจะถูกแรงระเบิดฉีกร่างเป็นชิ้น ๆ
นอกจากนี้ สตับบี้ยังฉลาดอย่างเหลือเชื่อ ถ้ามันถูกสปายพาตัวไปเมื่อไร มันจะนิ่งและคอยฟังว่าสปายคนนั้นจะพูดภาษาอะไร หากเขาพูดภาษาเยอรมันแล้วละก็ มันจะพุ่งเข้างับขากางเกงแบบไม่ยอมปล่อย จนกว่าเพื่อน ๆ ทหารนายอื่นในหน่วยจะมาถึง
สตับบี้ได้รับเหรียญกล้าหาญมากมาย รวมถึงเหรียญตรา Purple Heart อีกด้วย สตับบี้ใช้ชีวิตหลังสงครามอยู่กับ โรเบิร์ต คอนรอย เจ้านายของมัน จนกระทั่งจากไปอย่างสงบในวัย 10 ปี ในอ้อมกอดของเจ้านายนั่นเอง
จ่าบิลลี่ แพะฮีโร่สงครามจากกองทัพแคนาดา
ภาพจาก esask
แรกเริ่มเดิมที บิลลี่ถูกซื้อมาไว้เป็นสัตว์เลี้ยงของทหารหน่วยหนึ่งในกองทัพแคนาดา ขณะเดินทางผ่านหมู่บ้านในรัฐซัสแคตเชวัน ประเทศแคนาดา ต่อมา ทหารแอบพาบิลลี่ขึ้นเรือไปที่ฝรั่งเศสด้วย เพราะมันหน้าตาตลกและสร้างสีสันให้กับหน่วยได้อย่างดี
ระหว่างปฏิบัติหน้าที่รับใช้ชาติ บิลลี่ได้รับบาดเจ็บหลายครั้งจากการถูกยิงและถูกระเบิด และยังเคยถูกจับกุมฐานแอบเคี้ยวอุปกรณ์ทางการทหารด้วย
แต่สุดยอดวีรกรรมที่เพื่อนทหารไม่เคยลืมบุญคุณของมัน คือเมื่อตอนที่บิลลี่ใช้หัวและเขาพุ่งเข้าใส่เพื่อนทหาร 3 นายอย่างแรงจนกลิ้งโค่โล่ตกร่องคูน้ำ เพื่อช่วยชีวิตพวกเขาก่อนที่จะถูกระเบิดตาย