x close

พจนานุกรมภาษาเหมียว




พจนานุกรมภาษาเหมียว (Cat Magazine)

เรื่อง : น.สพ.กมล ภาคย์ประเสริฐ

           สำหรับคนรักแมว คงไม่มีอะไรที่สุขใจไปกว่าการได้เล่นกับแมว หรือดูแมวที่เลี้ยงไว้เล่นด้วยกัน แต่เคยสงสัยกันไหมครับว่าแมวที่บ้าน ตอนนี้เขาคุยอะไรกันอยู่ การสื่อสารของแมวหลัก ๆ มี 3 ทาง คือ การสื่อสารด้วยเสียง ภาษาท่าทางและการทำเครื่องหมายด้วยกลิ่น หรือรอยข่วน ภาษาเหล่านี้ส่วนใหญ่ใช้ในการสื่อสารกับแมวด้วยกัน จึงมีปัญหาเสมอ ๆ เวลาที่แมวต้องสื่อสารกับคนหรือสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นในบ้าน มาศึกษาภาษาแมวเบื้องต้นกันดีกว่าครับ แล้วจะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เราจะแอบฟังแมวคุยกัน ^^

ภาษาพูด

           แมวส่งเสียงได้ประมาณ 23 แบบ โดยอาศัยการควบคุมกล่องเสียงและคอทำให้แต่ละเสียงมีความแตกต่างกัน (ต่างจากคนที่ใช้ปากและลิ้น) ระยะในการสื่อสารด้วยเสียงโดยมากจะอยู่ในระยะไม่เกิน 8 ฟุต โดยเฉพาะในกรณีที่แมวร้องเรียกคนเพราะเป็นระยะที่แมวมั่นใจว่าคนจะได้ยิน เนื่องจากภาษาพูดเป็นอะไรที่บรรยายยากในบทความ ขอยกตัวอย่างแค่เสียงหลัก ๆ ที่ได้ยินกันบ่อย ๆ นะครับ

           เสียงคราง (PURR) เสียงสั่นในคอ โดยที่ปากปิดสนิท ลูกแมวเริ่มส่งเสียงนี้เป็นตั้งแต่อายุแค่ 2 วัน ซึ่งสื่อได้หลากความหมาย เช่น อยากให้แม่แมวมาดูแล ในแมวโตมักส่งเสียงนี้เวลาที่มีความสุข เมื่อเจอกับเจ้าของหรือแมวตัวอื่นที่เป็นมิตร โดยบางตัวอาจแสดงอาการกลิ้งไปมาหรือเอาคางมาถูขณะที่ส่งเสียง ในทางตรงกันข้ามแมวที่บาดเจ็บหรือป่วยหนักมาก ๆ อาจส่งเสียงครางแบบนี้ได้เช่นกัน แต่ลักษณะของเสียงจะยาวและต่อเนื่องมากกว่าปกติ

           เมี้ยว (MEOW) แมวจะเปิดปากเพื่อส่งเสียงและค่อย ๆ ปิดปากลง สังเกตกันไหมครับว่าแมวส่วนมากมักใช้เสียงนี้เวลาจะคุยกับคนเท่านั้น น้อยครั้งมากที่แมวจะร้องเสียงนี้เพื่อสื่อสารกับแมวด้วยกัน เพราะภาษานี้บรรพบุรุษของแมวเริ่มเรียนรู้ที่จะออกเสียงตอนที่เริ่มมาอาศัยอยู่กับคนเป้าหมายหลักของการส่งเสียง คือ อยากให้คนมาสนใจ อยากให้เล่นด้วย หรือต้องการขออาหารเวลาที่อยากรู้ว่าแมวจะสื่อความหมายไหนคงต้องดูภาษาท่าทางและสถานการณ์ขณะนั้นประกอบครับ

           คำราม (GROWL) เสียงที่เปล่งออกมาขณะที่แมวเปิดปากค้างไว้ โดยใช้ระดับเสียงต่ำ แม่แมวมักส่งเสียงนี้เป็นสัญญาณเตือนให้ลูกหาที่หลบภัย เมื่อมีอันตราย เสียงนี้มักใช้เพื่อแสดงความก้าวร้าวใส่แมวตัวอื่น ก่อนที่แมวทั้งสองจะต่อสู้กัน

           ขู่ฟ่อ (HISS) เสียงพ่นลมแรง ๆ ออกจากปากที่เปิดไวเล็กน้อย แมวมักส่งเสียงนี้เวลาที่รู้สึกตกใจ รู้สึกกลัว หรือเมื่อต้องป้องกันตัวเองยามมีศัตรูมา ลูกแมวเรียนรู้ที่จะส่งเสียงนี้ได้ตั้งแต่ก่อนที่จะลืมตา




ภาษาท่าทาง

           แมวเป็นสัตว์ที่สื่อสารไม่เก่ง เพราะมีลักษณะนิสัยชอบอยู่ลำพัง ความจำเป็นในการสื่อสารจึงน้อย และแมวแต่ละตัวมีลักษณะนิสัยเฉพาะตัวค่อนข้างสูง ภาษาท่าทางของแมวที่เราเห็นบางครั้งจึงเป็นภาษาที่ใช้เฉพาะในกลุ่มแมวที่เลี้ยงอยู่ร่วมกันในบ้านเท่านั้น การอ่านภาษาท่าทางจำเป็นต้องสังเกตสีหน้า ใบหู หาง และลำตัวประกอบมาดูภาษาแมวหลัก ๆ 7 คำ ที่เจาของควรรู้จักดีกว่าครับ

           ทักทาย (คน) แมวมักแสดงท่านี้กับเจ้าของ โดยยกหางตั้งตรง ซึ่งแสดงถึงความเป็นมิตร เหยียดตัวขึ้นโดยยกขาหลังเล็กน้อย จากนั้นจะเอาจมูกไปแตะเบา ๆ ที่มือหรือที่ขา แล้วเริ่มเอาหน้าไปถู แมวบางตัวอาจเอาตัวไปถูเจ้าของตั้งแต่หัวจนถึงปลายหาง หากเจ้าของเริ่มให้ความสนใจและเอามือมาลูบตอบ แมวจะดันบริเวณนั้นให้ชิดมือคนมากขึ้นทันที เช่น หากเจ้าของลูบที่สะโพกหรือโคนหางแมวมักเหยียดขาหลังขึ้น หรือหากเจ้าของลูบบริเวณคอ แมวมักย่อขาหน้าและหันหน้าไปด้านข้างเพื่อดันส่วนคอชิดกับมือเจ้าของมากขึ้น

           ทักทาย (แมว) ท่าทางจะคล้ายกัน คือยกหางและเหยียดตัว เมื่อเข้ามาใกล้แมวทั้งสองจะเริ่มเอาจมูกมาแตะกันเพื่อดมกลิ่น แล้วไล่ดมไปบริเวณใบหน้า เอาหน้าถูกันเล็กน้อย อาจไล่ไปจนถึงบริเวณไหล่แล้วหยุดลงแถว ๆ ลำตัว หลังจากนั้นอาจนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน แล้วเลียแต่งตัวให้อีกฝ่าย หรืออาจจะเดินจากกันไปอย่างสงบ ระดับการทักทายในแมวมีแค่แบเดียวนะครับ คือ ถ้ารู้สึกคุ้นเคยก็ทัก ไม่รู้สึกสนิทใจก็เดินผ่านไปเฉย ๆ จะต่างจากในสุนัขที่มีการทักทายแบบนบนอบ หรือแบบมั่นใจในตัวเอง ขึ้นอยู่กับว่าสุนัขฝ่ายตรงข้ามอยู่ในสถานะที่เหนือกว่าตัวเองหรือไม่

           ชวนเล่น (คน) แมวมักหงายท้องเอาหลังลงเปิดส่วนท้องให้เห็น งอขาหน้า ส่วนขาหลังเหยียดออก ถ้าเจ้าของเอามือเข้ามาเล่นด้วย แมวอาจใช้ขาหน้ามาตะกุยเราโดยที่เก็บเล็บ แมวมักทำท่านี้เวลาที่ต้องการชวนให้คนมาเล่นด้วย หรือเรียกร้องความสนใจเท่านั้น โดยจะไม่ใช้ท่านี้กับแมวด้วยกัน อย่าสับสนกับท่าแบบเดียวกันนี้ในสุนัขที่หมายถึง การยอมแพ้หรือยอมจำนน เพราะสำหรับแมวคือแค่การชวนเล่นเท่านั้นครับ

           ชวนเล่น (แมว) โดยพื้นฐานแมวเป็นสัตว์ที่ชอบเล่นคนเดียว จึงไม่แปลกใจ หากเห็นแมวบางตัว โดยเฉพาะลูกแมว ชอบเดินสำรวจ ปีนป่าย หรือกระโดดไปทั่วโดยเฉพาะเมื่อมีเครื่องเรือนหรือของเล่นชิ้นใหม่เข้ามาในบ้าน แมวโตบางตัวชอบเล่นกับตุ๊กตาหรือของเล่นที่แขวนไว้โดยลำพัง แต่สำหรับแมวที่เลี้ยงด้วยกันมาตั้งแต่เล็ก ๆ บางครั้งก็ต้องการชวนแมวที่เป็นเพื่อนให้มาเล่นไล่จับกัน โดยจะหันตัวเยื้องเดินหรือกระโดดเอาด้านข้างเข้าหาแมวอีกตัว ไม่เดินพุ่งเข้าไปตรง ๆ เพื่อแสดงความเป็นมิตร หูหันไปทางด้านหน้า งอหลังเล็กน้อย ยกหางขึ้นจนบางครั้งหางดูเหมือนรูปตัว U คว่ำ หากแมวตื่นตัวมาก จะพบว่าหางปัดไปปัดมา หรือหางตั้งโค้งเข้าหาตัว และม่านตาขยาย





           คุกคาม เมื่อแมวต้องการที่จะคุกคามแมวตัวอื่น แมวจะพยายามทำตัวเองให้ดูใหญ่ขึ้น ท่าที่แสดงออก คือ ขนตั้งขันตลอดแนวหลัง ดึงหูมาทางด้านหลังเล็กน้อยโดยเบี่ยงไปด้านข้าง หนวดพับไปด้านหน้า ตาจ้องมองไปยังคู่ต่อสู้ หรี่ม่านตา ลดหางลงต่ำและชี้ไปที่พื้น โดยฟาดหางขึ้นลงช้า ๆ โดยเฉพาะในส่วนของปลายหาง แมวอยู่ในท่าที่พร้อมจะพุ่งตัวไปด้านหน้า เพื่อขวางการเคลื่อนไหวหากแมวอีกตัวขยับ

                ธรรมชาติของแมวมักไม่หวงอาหาร หวงของเล่น หรือหวงพื้นที่พักผ่อนมากเท่าสุนัข และก่อนต่อสู้ก็มักจะทำการขู่ก่อน การต่อสู้กันจึงเป็นทางเลือกสุดท้ายเวลาที่แมวอีกตัวไม่ยอมหนีเท่านั้น โดยแมวจะย่อตัว เคลื่อนไหวช้า ๆ โค้งหลังลงต่ำและเกร็งสองเขาหลังเพื่อเตรียมกระโจนใส่

           กลัว เมื่อเจอกับคนแปลกหน้าหรือสัตว์ที่ไม่คุ้นเคย สุนัขที่กลัวอาจหยุดดูท่าทีสักพัก แต่สำหรับแมวเมื่อเริ่มรู้สึกกลัวหรือไม่ปลอดภัย มักเลือกที่จะหนีในทันที ในบางสถานการณ์ที่อยู่ในกรงหรือมุมอับไม่สามารถหนีได้ แมวจะแสดงอาการกลัวให้เห็นโดยหมอบลง ขอตัวให้เล็ก เพื่อไม่ให้ศัตรูมองเห็น ก้มหัวลงต่ำ แล้วเก็บขาหน้าไว้ได้ลำตัว ถ้าดูสีหน้าจะพบว่าม่านตาขยาย หูจะหันไปหาสิ่งที่กลัวเพื่อคอยฟังความเคลื่อนไหว แต่ถ้าหูเริ่มลู่ไปทางด้านหลังเมื่อไหร่ ต้องระวังไว้นะครับ เพราะหมายถึงแมวเตรียมพร้อมที่จะตอบโต้แล้ว

           ก้าวร้าวเพื่อป้องกันตัว เมื่อความกลัวมากถึงจุดหนึ่งแมวก็จะเริ่มเตรียมตัวสู้เพื่อป้องกันตัว โดยจะพยายามทำตัวให้ดูใหญ่ขึ้น เริ่มจากหันด้านข้างเข้าหา โค้งหลัง พองขนออก และหางอาจตั้งขึ้นหรือโค้งลงก็ได้ ขนที่หางจะพองเหมือนแปรงล้างขวด อาการที่แสดงออกทางสีหน้า คือ หูและหนวดลู่ไปทางด้านหลังยกมุมปากขึ้นเผยให้เห็นฟัน ม่านตาเบิกกว้าง ย่นจมูก พร้อมกับส่งเสียงขู่ฟ่อ ปากอาจเปิดเล็กน้อยและเตรียมพร้อมจะกัด หากเป็นการป้องกันตัวในการต่อสู้ระหว่างแมวด้วยกันแมวอาจนอนหงายท้อง เหยียดขาทั้ง 4 ข้างและกางเล็บเพื่อพร้อมจะตะกุยแมวที่บุกเข้ามา





การทำเครื่องหมายและกลิ่น

           เป็นการสื่อสารที่ติดแน่นทนนานแม้แมวจะไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว เนื่องจากประสาทสัมผัสในการรับกลิ่นของแมวดีกว่าคนมาก จึงมักใช้กลิ่นช่วยในการสื่อสารอยู่บ่อย ๆ

           ฉี่เพื่อทำเครื่องหมาย แมวจะยืนตรงยกหางขึ้นและสเปรย์ฉี่ปริมาณเล็กน้อยลงบนพื้นผิวที่ต้องการทำเครื่องหมาย ซึ่งจะต่างจากการฉี่ปกติ ที่แมวจะย่อขาและฉี่จนหมดในทีเดียว แมวตัวผู้ที่ยังไม่ได้ทำหมันมักฉี่ ทำเครื่องหมายบ่อยกว่าแมวตัวเมียและแมวตัวผู้ที่ทำหมันแล้ว ส่วนแมวตัวเมีย เมื่อเป็นสัดมัดฉี่เพื่อทำเครื่องหมายบ่อยขึ้นซึ่งกลิ่นจะเหนี่ยวนำให้แมวตัวผู้ที่ยังไม่ได้ทำหมันมีพฤติกรรมนี้บ่อยขึ้นตาม

           เมื่อแมวตัวอื่นมาดมกลิ่นฉี่ จะแยกได้ว่าเป็นกลิ่นของแมวตัวไหน และไช่แมวที่รู้จักหรือไม่ การดมกลิ่นฉี่จะนานขึ้นถ้าเป็นกลิ่นของแมวที่ไม่รู้จักโดยเฉพาะถ้าเป็นของแมวเพศตรงข้าม ขณะที่แมวดมกลิ่นมักจะเปิดปากเล็กน้อยและตวัดลิ้นเข้าออกเพื่อให้กลิ่นเข้าไปสัมผัสกับประสาทรับกลิ่นบริเวณเพดานปาก
          
           แมวส่วนมากมักฉี่ทำเครื่องหมายในพื้นที่ของตัวเอง โดยมีเป้าหมายหลักคือ เพื่อบ่งบอกความเป็นตัวเอง เพื่อให้เพศตรงข้ามมาสนใจ และเพื่อบอกให้แมวตัวอื่นอยู่ห่างจากพื้นที่นั้น โดยกลิ่นฉี่จะไม่มีผลให้เกิดความรู้สึกกลัว ข่มขู่ หรือถูกปลุกเร้าแต่อย่างใด แมวตัวผู้มักฉี่เพื่อทำเครื่องหมายบ่อยขึ้นเมื่ออยู่ที่ใหม่ เพื่อให้ตัวเองรู้สึกสบายใจและช่วยลดความเครียด

           การถูเพื่อทำเครื่องหมาย แมวมีต่อมกลิ่นหลายที่ เช่น ใต้คาง มุมปาก ข้างหน้าผาก และโคนหาง จึงพบบ่อยว่าแมวชอบเอาหน้ามาถูกับขาเจ้าของ เครื่องเรือน หรือสัตว์เลี้ยงตัวอื่นในบ้านที่คุ้นเคย แมวจะเริ่มถูจากปลายจมูก ข้างแก้ม มุมปาก และรอบตา ขณะถูก็จะเลียปากและเผยอปากขึ้นจนเห็นฟัน เจ้าของบางคนจึงเข้าใจผิดว่าแมวจะกัด ในกรณีของที่ถูกเป็นเครื่องใช้ เป้าหมายหลักของการถู คือ การทิ้งกลิ่น แต่หากแมวเอาหน้าไปถูเจ้าของ จุดประสงค์หลักคือการแสดงความรักและอยากอยู่ใกล้ชิด ไม่ได้มีเจตนาจะทิ้งกลิ่นเพื่อทำเครื่องหมายแต่อย่างใด กรณีเอาหน้าถูระหว่างแมวด้วยกันเอง ถือเป็นการสื่อสารและการทักทายของแมวที่เป็นพวกเดียวกันแบบหนึ่ง กลิ่นที่บริเวณหัวจะบ่งบอกความเป็นตัวแมวมากกว่าบริเวณอื่น จึงเห็นแมวที่ทักทายกันมักดมกันที่บริเวณหัว มากกว่าจะเป็นบริเวณหางหรือข้างลำตัว

           การข่วนเพื่อทำเครื่องหมาย นอกจากแมวจะข่วนเพื่อลับเล็บแล้ว ยังมีอีกเป้าหมาย คือ การข่วนทำเครื่องหมายเพื่อทิ้งรอยข่วนและกลิ่น จากต่อมเหงื่อบริเวณระหว่างนิ้วเท้าไว้ พื้นผิวที่แมวชอบข่วนคือผิวที่สาก ๆ เช่น ไม้ ผ้าหนา ๆ ขอบประตูหรือเฟอร์นิเจอร์ และมักชอบข่วนซ้ำที่เดิม อาจข่วนของที่อยู่ในแนวนอนหรือในแนวตั้งก็ได้ โดยชอบเหยียดตัวเวลาที่ข่วน เรามักไม่พบแมวไปดมกลิ่นบริเวณที่แมวตัวอื่นข่วนไว้ และแมวมักจะข่วนของที่อยู่ในบริเวณพื้นที่ของตัวเองเท่านั้น เหตุผลคือกลิ่น และสัญลักษณ์จากการข่วนไม่ได้มีไว้ เพื่อการสื่อสารกับตัวอื่น แต่มีไว้เพื่อให้แมวตัวที่ข่วนผู้เป็นเจ้าของพื้นที่ได้กลิ่นแล้วรู้สึกสบายใจและผ่อนคลาย

           หวังว่าพจนานุกรมภาษาแมวจะมีประโยชน์ต่อผู้ที่รักแมวทุกท่านให้มีความเข้าใจภาษาของแมวที่บ้านมากยิ่งขึ้นมีปัญหาสงสัยหรือต้องการฟัง ตัวอย่างเสียงแมวแบบต่าง ๆ เข้าไปดูได้ทาง www.facebook.com/petmanner แล้วพบกันใหม่เดือนหน้าครับ







เรื่องที่คุณอาจสนใจ
พจนานุกรมภาษาเหมียว อัปเดตล่าสุด 20 มิถุนายน 2555 เวลา 11:26:52 8,665 อ่าน
TOP