เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก disaboom.com
แค่ขาพลิกเราก็เจ็บเสียจนเดินกะเผลกแล้ว แล้วถ้าเทียบกับผู้ที่ต้องสูญเสียอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งไป จนทำให้ไม่สามารถดำเนินชีวิตได้ปกติเช่นเดิม คงเป็นความสูญเสียที่หาอะไรมาเทียบไม่ได้เลยทีเดียว แต่ถึงอย่างไรชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป เช่นเดียวกับเจ้าโลมาน้อย "วินเทอร์" ที่แม้จะสูญเสียครีบหางของตนเองไป แต่มันก็ยังสู้เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ และเรียนรู้ที่จะว่ายน้ำด้วยการใช้หางเทียมที่ถูกประดิษฐ์มาเพื่อมันโดยเฉพาะ ซึ่งนับว่ามันเป็นโลมาที่ต้องใส่อวัยวะเทียมตัวแรกของโลกเลยทีเดียว
ตามรายงาน จากเว็บไซต์เดลิเมล ของอังกฤษ ระบุว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้ว "วินเทอร์" ในวัย 3 เดือน ถูกพบอยู่ที่ชายฝั่งฟลอริด้า ในสภาพร่างกายบอบช้ำจากการติดอวนล่าปลา ผู้พบเห็นได้แก้ตาข่ายที่พันหาง มันอยู่ออก และแจ้งไปยังศูนย์สัตว์น้ำ 5 ชั่วโมงต่อมา วินเทอร์ ถูกส่งตัวไปที่ "เคลียวอเตอร์ มารีน อะควาเรียม" (Cleawater Marine Aquarium) ซึ่งเมื่อได้นำ วินเทอร์ ลงไปยังสระในส่วนที่เป็นน้ำตื้น จึงเห็นได้ชัดว่ามันมีอาการบาดเจ็บที่หางอย่างร้ายแรง และยิ่งวันผ่านไปบาดแผลของมันก็ยิ่งเปื่อยและรุนแรงขึ้นทุกที จนในที่สุดทีมสัตวแพทย์ประจำอะความเรี่ยมตัดสินใจตัดครีบส่วนหางของมันออกเพื่อยับยั้งการลุกลามของบาดแผล
โชคดีที่เจ้าวินเทอร์ ไม่มีอาการแทรกซ้อนจากการตัดครีบหางทิ้ง มันสามารถสามารถอยู่รอดได้ในสถาพโลมาหางกุด โดยเจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์น้ำดูแลเจ้าวินเทอร์เป็นอย่างดี ทั้งช่วยนวดตามตัวเพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อของมัน และลงไปอยู่ในน้ำกับวินเทอร์วันละหลาย ๆ ชั่วโมง เพื่อสังเกตและช่วยเหลือเรื่องการว่ายน้ำของมันด้วย ทางด้านวินเทอร์เองก็เรียนรู้ที่จะปรับตัวให้อยู่รอดในสภาพโลมาหางกุดได้อย่างรวดเร็ว แทนที่จะขยับหางขึ้นลงเพื่อว่ายน้ำเช่นเดียวกับโลมาทั่วไป มันกลับขยับหางส่วนที่เหลืออยู่ไปทาง ซ้าย-ขวา เพื่อช่วยในการเคลื่อนตัวแทน ซึ่งเป็นลักษณะการว่ายน้ำเช่นเดียวกับฉลามหรือจระเข้นั่นเอง
แม้จะโล่งใจที่เจ้าวินเทอร์สามารถกลับมาว่ายน้ำได้เช่นเดิม แต่เหล่าผู้ดูแลก็ยังคงมีความกังวลเรื่องการเคลื่อนตัวในลักษณะการขยับหางไปทาง ซ้าย-ขวา ซึ่งไม่ใช่ท่วงท่าตามธรรมชาติของโลมาเช่นนี้ว่า อาจส่งผลกระทบต่อกระดูกสันหลังของเจ้าวินเทอร์ได้ ต่อมาในปี 2551 ทีมผู้ดูแลเจ้าวินเทอร์ จึงได้ติดต่อนักวิทยาศาสตร์ชาวไอริช "เควิน คาร์โรลล์" และคู่หูของเขา "แดน สเตร็มป์ก้า" ผู้มีประสบการณ์ในการทำอวัยวะเทียมให้กับสัตว์หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นสุนัข นกกระจอกเทศ หรือแม้แต่เป็ด มาเพื่อทำครีบหางเทียมให้กับเจ้าวินเทอร์
แม้จากการประเมินตอนแรก นายคาร์โรลล์ กล่าวว่า สำหรับกรณีของเจ้าวินเทอร์นั้นไม่น่ายากเย็น แต่พอเอาเข้าจริง ๆ กว่าจะทำหางเทียมของเจ้าวินเทอร์สำเร็จก็กินเวลาไปถึงปีครึ่ง โดยผ่านการทำหางต้นแบบไปถึงเกือบ 50 ชิ้น ซึ่งคิดเป็นเงินกว่า 150,000 ปอนด์ หรือราว 7,222,500 บาท เลยทีเดียว กว่าจะได้หางเทียมที่เหมาะสมพอดีสวมเข้าล็อคกับหางส่วนที่เหลืออยู่ของเจ้าวินเทอร์ เพราะการทำหางเทียมให้กับสัตว์ที่ว่ายน้ำเช่นโลมานี้ จำเป็นต้องทำให้ชิ้นส่วนหางเทียมนั้นยืดหยุ่นและรับกับทุกการเคลื่อนไหวของมัน ต่างจากการทำอวัยวะเทียมเพื่อต่อกับส่วนที่เป็นกระดูกแข็ง ซึ่งทำเพียงให้สวมลงเบ้าพอดีกับอวัยวะ ไม่จำเป็นต้องให้เคลื่อนไหวได้ทุกทิศทางก็เพียงพอ สุดท้ายแล้วหางเทียมสำหรับโลมาชิ้นแรกของโลกก็เสร็จสมบูรณ์ โดยเป็นหางเทียมขนาดยาว 30 เซนติเมตร ทำจากซิลิโคนที่มีความยืดหยุ่น นอกจากนี้ต้องอาศัยเจลพิเศษสำหรับทาที่หางของมันก่อนสวมหางเทียมทับลงไปเพื่อลดอาการระคายเคือง ซึ่งเจลชนิดนี้ก็ถูกนำมาปรับปรุงเพื่อใช้ในคนด้วย
ด้วยหางเทียมนี้ ทำให้เจ้าวินเทอร์สามารถกลับมาว่ายน้ำในท่วงท่ารรมชาติเช่นเดียวกับโลมาทั่ว ๆ ไปได้ในเวลาเพียง 3 เดือน นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลมันทุกคน แต่แม้เจ้าวินเทอร์จะมีหางเทียมแล้ว มันก็ยังคงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของ เคลียวอเตอร์ มารีน อะควาเรียม ต่อไป ไม่อาจปล่อยมันกลับคืนสู่ธรรมชาติได้ เนื่องจากเกรงว่ามันอาจไม่สามารถอยู่รอดในธรรมชาติด้วยตัวเองในสภาพโลมาหางเทียมได้ และมันเองก็จำต้องได้รับการเปลี่ยนหางเทียมทุกครั้งที่ตัวของมันโตขึ้นด้วย
อย่างไรก็ดี เรื่องราวของ เจ้าวินเทอร์ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องสูญเสียอวัยวะของตัวเองให้มีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป ดังเช่นสาวน้อย ฮันน่าห์ เจนกิ้นส์ วัย 12 ปี ผู้พิการไร้อวัยวะส่วนมือขวาตั้งแต่ข้อศอกลงไปทั้งหมด กล่าวหลังจากเข้าชมอะควาเรี่ยมและได้พบกับเจ้าวินเทอร์ว่า "มันทำให้ฉันรู้สึกอยากจะสู้ต่อ ถ้ามันทำได้ ฉันก็ต้องทำได้เหมือนกัน"
นอกจากนี้เรื่องราวที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจของเจ้าวินเทอร์ โลมาหางเทียมตัวแรกของโลก กำลังถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์โดยผู้กำกับ ชาร์ลส์ มาร์ติน สมิธ พร้อมนำแสดงโดย มอร์แกน ฟรีแมน ซึ่งจะอออกฉายในระบบ 3D ในอังกฤษช่วงเดือนตุลาคมนี้ด้วย
