วิธีเลี้ยงเต่าญี่ปุ่น สัตว์เลี้ยงน่ารัก ขวัญใจคนรักสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

วิธีเลี้ยงเต่าญี่ปุ่น เต่าน้อยน่ารักที่มีอายุขัยยาวนานหลายสิบปี ลวดลายสวยงาม เลี้ยงง่าย ขวัญใจคนรักสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

เอาใจคนที่ชื่นชอบความน่ารักน่าชังของเจ้าเต่า เต่าญี่ปุ่น หรือ เต่าแก้มแดง อยากเลี้ยงแต่ยังไม่รู้วิธี มาทำความรู้จักเต่าชนิดนี้ให้มากขึ้นตั้งแต่การดูลักษณะก่อนซื้อ วิธีเลี้ยง และการให้อาหารเต่าญี่ปุ่น 

เต่าญี่ปุ่น หรือ เต่าแก้มแดง (Red-eared Slider) จริง ๆ แล้วมีต้นกำเนิดจากประเทศสหรัฐอเมริกา บริเวณแม่น้ำมิสซิสซิปปี กระทั่งประเทศญี่ปุ่นได้นำเต่าชนิดนี้ไปเพาะพันธุ์ขาย เพื่อเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงในประเทศตัวเอง ก่อนจะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก รวมถึงในไทย เลยทำให้หลายคนเรียกจนติดปากว่า เต่าญี่ปุ่น นั่นเอง 

เต่าญี่ปุ่นจะมีหัวสีดำและมีแถบสีเหลือง หลังตามีแถบสีแดง แต่จะค่อย ๆ จางลงเมื่อมีอายุมากขึ้น กระดองมีทั้งสีเขียวเข้ม สีน้ำตาล หรือสีดำและแถบสีเหลือง ซึ่งแถบสีจะจางลงไปตามอายุด้วยเช่นเดียวกัน ใต้กระดองเป็นสีเหลืองและมีจุดหรือแถบสีดำ ระหว่างนิ้วเท้ามีพังผืดเหมาะกับการอาศัยในน้ำมากกว่าบนบก 

เมื่อเต่าญี่ปุ่นตัวเต็มวัยจะมีขนาดตัวอยู่ระหว่าง 6-12 นิ้ว ตัวเมียจะมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้ แต่ตัวผู้จะมีเล็บและหางที่ยาวกว่าตัวเมีย โดยทั่วไปแล้วเต่าญี่ปุ่นมีอายุขัยประมาณ 20 ปี แต่บางตัวที่แข็งแรงและได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีก็อาจมีอายุถึง 40 ปีเลยทีเดียว และเนื่องจากเต่ามีอายุขัยที่ค่อนข้างยาวนาน เพราะฉะนั้นผู้ที่จะนำเต่าญี่ปุ่นมาเลี้ยงก็ควรแน่ใจด้วยว่าจะสามารถเลี้ยงและดูแลไปตลอดชีวิต เพราะถึงแม้ว่าเดิมทีเต่าญี่ปุ่นจะอาศัยอยู่ในป่า แต่ตัวที่ถูกเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงมาตลอดอาจไม่สามารถอยู่รอดได้หากถูกนำไปปล่อยให้ใช้ชีวิตเองตามธรรมชาติ 

เต่าญี่ปุ่นมีร่างกายที่แข็งแรง สามารถว่ายน้ำได้เก่ง นิสัยจะค่อนข้างดุกว่าเต่าสายพันธุ์อื่น ๆ ที่พบเห็นทั่วไปในประเทศไทย โดยเต่าญี่ปุ่นมักจะชอบกินอาหารในน้ำเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็สามารถกินอาหารในขณะที่อยู่บนบกได้เช่นกัน

ก่อนที่จะนำเต่าญี่ปุ่นไปเลี้ยงที่บ้าน ควรตรวจดูก่อนว่าเต่าตัวนั้นมีสุขภาพที่แข็งแรงดีหรือไม่ โดยให้สังเกตดูที่ตา กระดอง ลักษณะการว่ายน้ำ และดูว่ามีความกระฉับกระเฉงดีหรือไม่ นอกจากนี้ก็ควรศึกษาหาข้อมูลด้วยว่าจะสามารถหาเต่าญี่ปุ่นจากที่ไหนมาเลี้ยงได้บ้าง

ในช่วงที่เต่าญี่ปุ่นยังมีอายุน้อยอาจเลี้ยงไว้ในตู้ปลาขนาดเล็กได้ แต่เมื่อเริ่มโตเต็มวัยแล้วจำเป็นต้องให้อยู่ในภาชนะที่สามารถจุน้ำได้มากกว่า 100 แกลลอน โดยอาจใช้เป็นบ่อน้ำจำลองที่ทำจากพลาสติกก็ได้ หรือถ้าหากมีบ่อน้ำอยู่ในสวนหน้าบ้านก็ถือว่าเหมาะมาก แต่ควรมีรั้วกั้นไว้ด้วย เพื่อไม่ให้เต่าเดินออกไปข้างนอกบ้าน และป้องกันไม่ให้สัตว์อื่น ๆ จากข้างนอกเข้ามาทำอันตรายเต่าได้ 

นอกจากนี้ต้องไม่ลืมที่จะดูแลในเรื่องความสะอาดและอุณหภูมิของน้ำ รวมทั้งมีพื้นที่ให้เต่าได้สัมผัสกับแสงแดดธรรมชาติบ้าง หรือหากเลี้ยงไว้ในบ้านก็อาจใช้หลอดไฟ UVB ทดแทนได้

สำหรับอาหารของเต่าญี่ปุ่นนั้นควรให้อาหารที่หลากหลายจากพืชและสัตว์ ถึงแม้ว่าเต่าญี่ปุ่นที่โตเต็มวัยแล้วจะชอบกินพืชมากกว่าก็ตาม ซึ่งอาหารเม็ดสำหรับเต่าที่มีจำหน่ายอยู่ทั่วไปก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี แต่ก็ควรเสริมด้วยอาหารชนิดอื่น ๆ ด้วย และไม่ควรให้อาหารมากเกินไปเพื่อไม่ให้เต่าอ้วนและขับถ่ายมูลเยอะขึ้น นอกจากนี้หากเป็นไปได้ก็ควรให้อาหารนอกบ่อน้ำหรือภาชนะที่อยู่อาศัยของเต่า เพราะจะช่วยให้การรักษาความสะอาดของน้ำทำได้ง่ายขึ้น น้ำไม่สกปรกไว แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการให้อาหารที่ลำบากขึ้นสักหน่อย

เต่าญี่ปุ่นที่มีสุขภาพดีจะกินอาหารเป็นเวลา ตามองเห็นได้ชัดเจน และแสดงความตื่นตัวต่อสิ่งรอบตัว โดยแนะนำให้ตรวจสอบดูผิวหนังและกระดองเพื่อดูว่ามีแผล มีสีหรือจุดที่ผิดปกติไหม รวมถึงมูลของเต่าที่สามารถเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพได้ ซึ่งหากมูลมีการเปลี่ยนแปลงไปจากปกติ ควรปรึกษาสัตวแพทย์ หากสังเกตเห็นว่าเต่าว่ายน้ำช้าหรือเร็วผิดปกติ นั่นก็เป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพเช่นกัน

นอกจากนี้ก็ควรหมั่นคอยสังเกตดูสารคัดหลั่งจากช่องปากหรือการจาม และตรวจดูบริเวณหลังหูเป็นครั้งคราวว่ามีอาการบวมหรือไม่ เต่าญี่ปุ่นอาจมีโรคเกี่ยวกับกระดูกที่เกิดจากการได้รับวิตามินดีและแคลเซียมไม่เพียงพอ รวมถึงการขาดวิตามินเอด้วย และที่สำคัญคือเต่าเลี้ยงอาจสามารถติดเชื้อซัลโมเนลลาได้ เพราะฉะนั้นจึงควรล้างมือก่อนจับเต่าทุกครั้ง และอย่าใช้มือจับปากเต่าหรือจูบ

สุดท้ายนี้จะต้องไม่ลืมว่าก่อนที่เพื่อน ๆ จะตัดสินใจเลี้ยงเต่าญี่ปุ่นนั้น ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด โดยเฉพาะการเตรียมบ่อน้ำหรือที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม เพื่อที่เจ้าเต่าน้อยจะได้มีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงอยู่กับเราไปนาน ๆ นั่นเอง

ขอบคุณข้อมูลจาก : allanspetcenter.com, thesprucepets.com และ vet.ku.ac.th