จากกรณีที่ นายอุดมศักดิ์ สกุลประดิษฐ์ อายุ 31 ปี เจ้าของฟาร์มสุนัขชื่อดังของภาคใต้ ร้องสื่อว่ามีนายแพทย์คนหนึ่งใน กทม. ซื้อสุนัขไปจากฟาร์มของตนเอง แต่กลับโทร. มาต่อว่า และระบุว่าส่งสุนัขมาไม่ตรงปก คือไม่เหมือนกับที่ตกลงกันไว้ทั้งสีและลักษณะอื่น ๆ ตนจึงยอมเปลี่ยนตัวใหม่ให้ แต่พอสุนัขตัวเก่าถูกส่งกลับมาที่ฟาร์มก็พบว่าถูกทารุณกรรมอย่างหนัก บริเวณใบหน้ามีการฉีดสารเคมีจนตาเกือบบอด นอกจากนี้ยังพบว่ามีการใช้สารเคมีกัดสีขน
รวมถึงเจ้าของฟาร์มสุนัขพันธุ์บูลด็อก ก็ออกมาแฉด้วยว่าหมอก็ซื้อสุนัขจากฟาร์มตนไปเช่นเดียวกัน จากนั้นหน้าเริ่มเปลี่ยน ตาเริ่มปิดและบวมตุ่ย พร้อมทั้งบอกว่าเสียใจที่ขายให้กับคนที่ซื้อไปแล้วมาทำกับสุนัขจนเป็นแบบนี้ (อ่านข่าว : แฉหมอวิปริต ทารุณบูลด็อกจนหน้าเละ - เจ้าตัวจ่อฟ้องฟาร์มหมา ทำเสื่อมเสีย)
ความคืบหน้าล่าสุด (16 มกราคม 2561) นายแพทย์ที่ถูกกล่าวหา ได้เปิดเผยกับทีมข่าวอมรินทร์ ถึงเรื่องทั้งหมดว่า ตนไม่เคยทรมานสุนัข ไม่ว่าจะพันธุ์ปอมเมอเรเนียนหรือบูลด็อก เพราะตนก็เปิดฟาร์มสุนัขเหมือนกัน สำหรับพันธุ์บูลด็อกตอนนั้นมันมีอาการเชื้อราเปียก ตนก็รักษาจนหายดี ส่วนพันธุ์ปอมเมอเรเนียนที่บอกว่าส่งกลับไปแล้วหน้าเปลี่ยน ยืนยันว่าไม่ได้ไปฉีดสารอะไรทั้งนั้น อีกทั้งตอนที่ซื้อมาก็ไม่มีใบเพดดีกรี
หมอบอกอีกว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นการดิสเครดิต เพราะตัวเองกำลังเริ่มทำฟาร์มสุนัขเหมือนกัน และตอนนี้สุนัขกำลังคลอดลูกส่งออกไปขายได้แล้ว ซึ่งฟาร์มของตนจะขายถูกกว่าฟาร์มคนอื่น อาจจะเป็นไปได้ว่ามีขบวนการกล่าวหาตนเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ ทำให้ตนเสียชื่อเสียง ใครก็ตามที่พูดให้ตนเสียชื่อเสียงตนจะดำเนินการทางกฎหมายทันที
ด้านนายอุดมศักดิ์ สกุลประดิษฐ์ เจ้าของฟาร์มสุนัขคู่กรณี ยืนยันว่า ส่งสุนัขให้ตรงตามสเปคทุกอย่าง ทั้งสีและสายพันธุ์ รวมถึงมีใบเพดดีกรี ซึ่งหมอก็รับทราบทุกขั้นตอน แล้วประวัติของฟาร์มตนก็ไม่เคยเสียชื่อเสียงมาก่อน ส่วนที่มีคนกล่าวหาว่าตนมีเงินจากการหลอกลวงขายสุนัข จนสร้างบ้านได้หลังละ 4-5 ล้านบาทนั้น ยืนยันว่าพ่อตนเป็นตำรวจ หลังจากพ่อเสียชีวิตตนได้รับเงินก้อน และเงินที่ได้จากการทำสวนปาล์มน้ำมัน สวนยางพารา และสวนทุเรียน จนสามารถสร้างบ้านได้ ไม่เคยฉ้อโกงคนอื่น โดยตนจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อพบกับผู้เสียหายรายอื่น ซึ่งจะรวมตัวกันไปแจ้งความนายแพทย์ข้อหาทารุณกรรมสัตว์
ภาพและข้อมูลจาก