เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก blog.sgbinky.com, dailydawdle.com
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลิเมลของอังกฤษ รายงานว่า สปอนจ์บ็อบ เเมวที่มีน้ำหนักกว่า 14.85 กิโลกรัม ซึ่งเป็นแมวที่อ้วนที่สุดในโลก ได้จากโลกนี้ไปแล้ว หลังจากที่เพิ่งได้เจ้าของใหม่เพียง 2 เดือน
ทั้งนี้ เจ้าสปอนจ์บ็อบ เเมวเหมียวตัวผู้สีส้ม วัย 9 ขวบ ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังในกรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้เสียชีวิตลงหลังจากที่มันเพิ่งย้ายเข้าไปอยู่กับเจ้าของใหม่ได้เพียง 2 เดือน โดยทางสัตวแพทย์ระบุว่า การตายของเจ้าสปอนจ์บ็อบนั้น ไม่ได้เกิดจากน้ำหนักตัวที่มากผิดปกติของมัน แต่เกิดขึ้นเนื่องจากเจ้าสปอนจ์บ็อบ ต้องเข้ารับการผ่าตัด และแพทย์ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตมันไว้ได้ เป็นเหตุให้ คอร์ทนีย์ และเเมท เเฟร์เรล จำเป็นต้องลาเจ้าเเมวอ้วนตัวนี้ในที่สุด
โดยก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงต้นปี เจ้าสปอนจ์บ็อบ ต้องมาอยู่ที่ศูนย์พักพิงสัตว์ Animal Haven rescue centre เนื่องจากเจ้าของผู้เเก่ชราของมัน ต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านพักคนชรา ซึ่งในตอนแรก เจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯ ต่างรู้สึกตกใจกับขนาดใหญ่ยักษ์ของแมว และต้องจับมันรีดน้ำหนักอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยให้มันมีสุขภาพที่ดีขึ้นเเละเพิ่มโอกาสให้คนมารับไปเลี้ยงมากขึ้น
นางสาวเคนดร้า มาร่า เจ้าหน้าที่จากศูนย์พักพิงสัตว์ กล่าวว่า มีคนประมาณ 10-15 คน ที่ยืนมองดูเจ้าสปอนจ์บ็อบอยู่นานสองนาน เนื่องจากเจ้าเเมวอ้วนตัวนี้เป็นแมวที่ตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเห็นมา ทางเราเองก็ไม่รู้ว่า เหตุใดเจ้าแมวตัวนี้ถึงตัวใหญ่ผิดปกติ เราได้เเต่คาดเดาว่า เจ้าของเก่าของมันล้มป่วย จึงเทอาหารเม็ดทิ้งไว้ให้เป็นประจำ ทำให้เจ้าเหมียวสามารถกินอาหารได้ตลอดเวลาตามที่มันต้องการ
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าสปอนจ์บ็อบ ก็สามารถเอาชนะใจของคอร์ทนีย์และเเมท เจ้าของใหม่ของมัน จากการที่ทั้งสองคน ได้พบมันในงานกาล่า เพื่อหาเงินให้กับบ้านพักพิงสัตว์ Animal Haven rescue centre และก่อนที่เจ้าสปอนจ์บ็อบ จะย้ายไปอยู่กับเจ้าของใหม่ สัตวแพทย์ก็ได้ออกใบรับรองว่า แมวตัวนี้มีสุขภาพร่างกายที่เเข็งเเรง และคอยเฝ้าดูการลดน้ำหนักของแมวอยู่ตลอด
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการเสียชีวิตของเจ้าสปอนจ์บ็อบ จะไม่ได้มาจากน้ำหนักที่มากผิดปกติ แต่นั่นก็เป็นหนึ่งในสาเหตุ ที่เป็นตัวเสี่ยงอันตราย ในการผ่าตัดหัวใจของเจ้าเเมวตัวนี้ หลังจากที่แพทย์ตรวจพบว่า เจ้าเเมวมีอาการหัวใจผิดปกติ 2 สัปดาห์ก่อนที่มันจะเสียชีวิต
ทั้งนี้ แพทย์ได้ตรวจพบว่า โรคหอบหืดในตัวเจ้าเเมวน้อยนั้น มีอาการแย่ลงเรื่อย ๆ และส่งผลกระทบต่อหัวใจของมัน ทว่าแพทย์ไม่สามารถผ่าตัดเจ้าเเมวได้ เนื่องจากเสี่ยงที่จะทำให้มันเสียชีวิตบนเตียงผ่าตัด เนื่องมาจากอาการช็อก แต่สุดท้าย เจ้าของใหม่ก็ตัดสินใจที่จะให้มันผ่าตัดในที่สุด
ทั้งเเมทและคอร์ทนีย์ ต่างตัดสินใจที่จะยุติการช่วยชีวิต เมื่อเห็นว่าเเมวตัวนี้มีอาการโคม่า เเต่ทั้งสองคนก็อยู่กับมันจนถึงวินาทีสุดท้าย โดยคอร์ทนีย์ กล่าวว่า นี่คือสิ่งที่ยากที่สุดเท่าที่เธอเองเคยประสบพบเจอมา และเเน่นอนว่า เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่ยากลำบากสำหรับเธอและเเมท ในฐานะของคนรักแมว เราเชื่อว่า ทุกคนคงเห็นว่าเราให้ความรักความเอาใจใส่กับเจ้าเเมวเหมือนลูกคนเเรก เรารักเจ้าเเมวตัวนี้อย่างมากมายมหาศาล และวางเเผนต่าง ๆ ให้มันมากมาย เพราะมันเปรียบเสมือนคนในครอบครัว เราต่างเสียใจอย่างสุดซึ้ง แต่สิ่งเดียวที่เราทำได้คือ การมอบความรักให้มันในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ในช่วงไม่กี่เดือนสุดท้ายก่อนที่มันจะเสียชีวิต เรามอบครอบครัว มอบห้องให้มันวิ่งเล่น เเละอาบน้ำให้มันจนกระทั่งมันเดินทางมาถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
