x close

วิธีดูแล ดวงตา หน้าต่างของหัวใจสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย





ดวงตา (PET JOURNAL )


           ดวงตา เป็นอวัยวะที่มีความบอบบางและซับซ้อน จนบางทีเราอาจคิดไปไกลว่า อาจบ่งบอกความในใจที่ซับซ้อนของสัตว์เลี้ยงตัวน้อยได้เหมือนกัน เคยมีเจ้าของสัตว์หลายคนพูดเล่าเรื่องราวของสัตว์ที่เขาเลี้ยงว่า น้องเขาคิดถึงพี่มากจนน้ำตาไหล น้องเขาเศร้าร้องไห้ใหญ่เลย น้องเขาอยากไปด้วยแต่ไปไม่ได้เลยทำตาเศร้าใส่พี่ เขาเจ็บมากตาเขาฟ้อง หลายเรื่องราวฟังแล้วเพลินจนแอบคิดไปว่า รู้ได้อย่างไร ? เป็นอย่างนั้นจริงหรือ? อย่างไรก็ตามเจ้าของสัตว์คือคนที่รู้จักสัตว์ที่เขาเลี้ยงดีที่สุด เพราะฉะนั้นทุกความรู้สึกล้วนเป็นไปได้ แต่เส้นแบ่งระหว่างการคิดไปเองกับความเป็นจริงบางทีเราอาจต้องใช้สติและปัญญาไปพร้อม ๆ กัน อย่าให้อารมณ์รักมากสงสารมากพาคุณไปล้ำไปสู่พื้นที่ของการคิดไปเองละกันนะคะ

           ในวันนี้เลยคิดอยากจะคุยกันในเรื่องราวของ "ดวงตา" ซึ่งเป็นหน้าต่างของหัวใจนี่แหละค่ะ ธรรมชาติได้สร้างอวัยวะสำคัญนี้ด้วย ความชาญฉลาด จริงๆ แล้วลองจินตนาการว่าดวงตาก็คล้ายกับลูกโป่งเหนียวๆ ที่เต็มไปด้วยเจลาติน และเมื่อเราลองหัดสังเกตโครงสร้างของดวงตาในสัตว์แต่ละชนิดยังบอกเราไปถึงการใช้ชีวิตตามธรรมชาติของเขาได้เช่นกัน มนุษย์เป็นสัตว์ที่มีความพิเศษกว่าสัตว์ชนิดอื่นตรงที่ว่าความรู้สึกและอารมณ์ถ่ายทอดเชื่อมโยงสู่อวัยวะที่มีโครงสร้างไม่เกินลูกมะนาวนี้ได้ จากตำแหน่งและโครงสร้างของตา ทำให้เรามีการมองเห็นภาพที่ชัดเจน ปรับการมองเห็นได้ฉับไว เชื่อมโยงกับการใช้มือและเชื่อมโยงกับการที่มีสมองที่คิดได้ซับซ้อนกว่าสัตว์ชนิดอื่น ก่อให้เกิดการพัฒนาขึ้นมากมาย จากการทำงานของตา ทำให้อวัยวะนี้เป็นกุญแจสำคัญและมีความสำคัญมากสำหรับมนุษย์

           ส่วนสัตว์ สามารถเชื่อมโยงไปสู่ลักษณะการใช้ชีวิต ลักษณะการหากิน ให้เหมาะสมไปกับสัตว์แต่ละชนิด สัตว์เลี้ยงยอดนิยมอย่างเช่น สุนัขและแมวตามธรรมชาติเขาคือนักล่า เขาจะมีโครงสร้างของตาที่สามารถมองไปข้างหน้าและมองลงได้ชัดเจน และฉับไว มีกล้ามเนื้อตาที่สามารถปรับเลนส์และรูม่านตาได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ปรับความคมชัดของภาพได้รวดเร็วและแม่นยำ ส่วนสัตว์เลี้ยงอีกชนิดที่เลี้ยงกันมากขึ้นในปัจจุบัน เช่น กระต่าย จะมีตาที่กระเถิบออกไปทางด้านข้างและอยู่ค่อนข้างด้านบนของใบหน้ามากกว่า ตามโครงสร้างตาม ธรรมชาตินี้ทำให้กระต่ายสามารถระวังภัยจากนักล่าได้ดี เนื่องจากทัศนวิสัยจะแผ่กว้างออกไปทางด้านข้าง และเลยไปเกือบถึงด้านหลัง นักล่าตามธรรมชาติของกระต่ายมักจะมาจากด้านบน ด้านหลัง และด้านข้าง หรือเรียกได้ว่ามีทัศนวิสัยในการระวังภัยที่กว้าง ถึงแม้อาจจะมองทางด้านหน้าได้ไม่ชัดเจนมากนัก โครงสร้างเสริมของดวงตาสัตว์ ที่ช่วยเพิ่มการปกป้องดวงตา อย่างเช่น การมีขนตาที่ยาวเพื่อป้องกันเศษฝุ่นหรือทรายเข้าตา มีแผ่นหนังตาที่สามเพื่อเพิ่มการป้องกันตาและช่วยให้มีน้ำตาหล่อลื่นดวงตามากขึ้น เป็นต้น





โครงสร้างพื้นฐานของดวงตาที่สำคัญคือ


           1. เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน : ส่วนประกอบของโครงสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพันส่วนใหญ่จะอยู่ด้านนอกของดวงตา สานกันด้วยโครงสร้างของคอลลาเจน และทึบแสง ในส่วนของเส้นใยอีลาสตินที่เรียกว่า Sciera จะกินพื้นที่สามในสี่ ทางด้านหลังของดวงตา เนื้อเยื่อเกี่ยวพันชั้นนี้จะมีความเหนียวและยืดหยุ่นได้เล็กน้อย ส่วนด้านหน้าของดวงตา จะเป็นส่วนที่มีความโปร่งแสง หรือที่เรารู้จักกันว่า กระจกตา (Cornea) จะเป็นส่วนที่แสงสามารถผ่านเข้าไปในดวงตาของสัตว์ได้

           2. หลอดเลือด : หลอดเลือดจะสานกันอย่างละเอียดและซับซ้อนเพื่อส่งผ่านออกซิเจนและสารอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อต่างๆ โครงข่ายหลอดเลือดเหล่านี้ได้ชื่อเรียกว่า Choroid ด้านหน้าของ Choroid จะมีโครงสร้างเล็กๆ ที่มีความสำคัญเรียกว่า Ciliary body ซึ่งจะมีกล้ามเนื้อและเอ็นที่เรียกว่า Zonules ซึ่งใช้ดึงรั้งเลนส์ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม และใช้ในการปรับเลนส์ให้ทำงานตามปกติ เพราะความตึงหรือหย่อนของเอ็นดังกล่าวจะใช้ช่วยในการปรับรูปร่างของเลนส์เพื่อปรับให้ภาพที่คมชัดตกในการปรับรูปร่างของเลนส์เพื่อปรับให้ภาพที่คมชัดตกในตำแหน่งรับภาพ อีกโครงสร้างที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ม่านตา (Iris) ส่วนนี้เองที่ทำให้เรามองเห็นสีของดวงตาว่าเป็นสีขาว เขียว ฟ้า เพราะเม็ดสีที่อยู่บนม่านตานี่เอง หน้าที่ของม่านตาคือปรับขนาดรูม่านตา (Pupil) เพื่อควบคุมปริมาณของแสงที่เข้าไปในตา เราจะมองเห็นเป็นรูดำๆ ตรงกลางดวงตานั่นเอง เราจะมองเห็นรูม่านตาหลากหลายรูปแบบ เช่นในแมวจะมีรูม่านตาเห็นเป็นแนวตั้งเวลาโดนแสง ในม้าหรือในแพะจะมีรูม่านตาในแนวนอน ในสัตว์ที่ใช้ชีวิตตอนกลางคืน จะเห็นรูม่านตาขยายกว้างจนบางทีมองเห็นชั้นสีที่อยู่สะท้อนออกมาจากส่วนที่อยู่ลึกในดวงตา ลองไปสังเกตเล่น ๆ ดูนะคะ

           3. เส้นประสาท : ในส่วนนี้จะมีส่วนที่เป็นตัวรับแสงที่เรียกว่า Retina จะอยู่ลึกไปทางด้านหลังของดวงตาไปอีก ตำแหน่งนี้มีความมหัศจรรย์มากขึ้นไปอีก เพราะร่างกายสัตว์สามารถเปลี่ยน แสงเป็นสัญญาณทางเคมีที่สามารถส่งไปตามระบบประสาท เพื่อสื่อสารและแปลเป็นรูปภาพให้เรามองเห็น เซลที่อยู่บริเวณดังกล่าวจะมีลักษณะที่เราเรียกว่า รูปร่างแบบแท่ง หรือรูปร่างแบบกรวยหรือโคน ซึ่งการทำงานเซลชนิดแท่งจะมีความไวต่อแสงมากกว่าส่วนชนิดโคนต้องอาศัยแสงที่จ้ากว่าซึ่งใช้ในการปรับความคมชัดและรับสี ดังนั้นสัตว์ที่หากินกลางคืนมักจะมีชนิดแท่งมากกว่า

           เมื่อมีความเข้าใจในโครงสร้างเบื้องต้นแล้ว การจะมองเห็นภาพหรือไม่ หรือเกิดความผิดปกติขึ้นกับดวงตาอย่างไร เราก็จะค่อย ๆ แยกว่าเกิดความผิดปกติที่ส่วนไหนและมีการเชื่อมโยงกันอย่างไร และแก้ปัญหาที่สาเหตุของการโรคเหล่านั้นเป็นระบบด้วยความเข้าใจ

           เรื่องการมองเห็น อย่างแรกกระจกตาต้องใสแสงผ่านได้ เลนส์ต้องใส ไม่ขุ่น แสงจะตกที่จุดรับภาพที่ Retina ส่งไปแปลที่สมองเพราะฉะนั้นโรคที่มักพบบ่อยและรบกวนการมองเห็นของสัตว์คือ กระจกตาเป็นแผลสัตว์จะเจ็บตาและทำตาหรี่ๆ เยื่อตาโดยรอบจะแดงให้พามาหาหมอเพื่อทำการย้อมดูกระจกตา เพื่อดูความรุนแรงของความเสียหายที่เกิดขึ้นที่กระจกตา และจ่ายยาที่เหมาะสม หรือถ้าเป็นมากอาจต้องทำการปกป้องกระจกตาด้วยวิธีการทางศัลยกรรม เมื่อมองที่ตาแล้วเห็นลึกเข้าไปเป็นลักษณะของเลนส์ที่ขุ่น เนื่องจากการเสื่อมของเลนส์ แสงผ่านได้ไม่ดีหรือผ่านได้น้อยมาก ก็จะรบกวนการมองเห็นของสัตว์เช่นกัน

           ในเรื่องความคมชัดของสิ่งที่สัตว์มองเห็น หรือความเจ็บปวดที่เกิดเนื่องมาจากความดันภายในลูกตาที่ผิดปกติ จะเกี่ยวข้องกับโครงสร้างขนาดเล็กต่างๆ ที่สัมพันธ์กันภายในลูกตา ซึ่งจะซับซ้อนมากจึงยังไม่ขอกล่าวในที่นี้

           เมื่อสุนัขหรือแมวของรา ต้องได้รับการรักษาโรคที่เกี่ยวกับตา หรือต้องหยอดตาเราจะดูแลเขาอย่างไร เรามีวิธีแนะนำดังต่อไปนี้ ยาหยอดตาจะมีลักษณะการหยอดแบบกว้างๆ สองแบบ คือ แบบหยด หรือแบบเป็นครีมป้ายตา





วิธีการหยอดตา

           1. อ่านฉลากยาหยอดตา ยาหยอดตา บางชนิดต้องเขย่าขวดก่อนหยอด หรือหยอดตาข้างที่ถูกต้อง
           2. ล้างมือให้สะอาดก่อนจับสำลีเช็ดตา
           3. ในการจับใบหน้าสัตว์ ยกใบหน้าสัตว์ขึ้นอย่างเบามือและนุ่มนวล
           4. เช็ดขี้ตารอบดวงตาด้วยสำลีสะอาดชุบด้วยน้ำยาล้างตา
           5. ใช้มือหนึ่งยกหน้าสัตว์ อีกมือหนึ่งถือยาหยอดตา ห้ามให้ขวดยาโดนตา
           6. ใช้มือดันศีรษะของสัตว์ให้ยกขึ้น ใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งในการเปิดเปลือกตาสัตว์เพื่อป้องกันการกระพริบตาเวลาหยอดตา
           7. หยอดยาหยอดตาลงไป ถ้าเป็นแบบครีมให้ป้ายครีมออกมาประมารเม็ดข้าว (สำคัญห้ามโดนลูกตา)
           8. เอานิ้วมือนวดที่เปลือกตาเบาๆ

           ท้ายนี้ความเข้าใจร่วมกันระหว่างเจ้าของสัตว์และสัตวแพทย์จะส่งผลที่ดีต่อการรักษา เพราะการรักษาดวงตาสัตว์ให้อยู่กับเขาให้นานที่สุดเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย และนึกถึงจิตใจสัตว์ที่เรารักว่า เขาก็คงยังอยากมองเห็นนาน ๆ เหมือนกัน แต่เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้น เจ้าของเท่านั้นที่จะสังเกตเห็นและพามาดูแลแก้ไข และช่วยได้เร็วที่สุด...


ขอขอบคุณข้อมูลจาก














เรื่องที่คุณอาจสนใจ
วิธีดูแล ดวงตา หน้าต่างของหัวใจสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย อัปเดตล่าสุด 9 พฤษภาคม 2555 เวลา 14:28:12 3,136 อ่าน
TOP