กทม.ปฏิเสธหมาบ้าท่วมชี้ข้อมูลมั่ว (ไทยโพสต์)
รองผู้ว่าฯ กทม.แจงสถานการณ์โรค "หมาบ้า" ไม่อยู่ในขั้นแพร่ระบาดตามข้อมูลกรมควบคุมโรค อย่าใช้ข้อมูลพบเชื้อในหัวสุนัขมาเตือน เพราะเป็นเรื่องปกติต้องตรวจพบเชื้อบ้าในหัวสุนัขได้จากเมืองใหญ่ที่ยังไม่ปลอดโรค เผยแนวโน้มผู้เสียชีวิตลดลง นับตั้งแต่เดือน มิ.ย.53-ม.ค.55 มีคนตายรายเดียว ส่งสัญญาณกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าได้มากขึ้น ส่วนตัวเลขสุนัขเร่ร่อน กทม.มีกว่า 1 แสนตัว
พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ว่า ขณะนี้สถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าใน กทม.ไม่มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงตามที่มีข้อมูลตรวจพบเชื้อพิษสุนัขบ้าในหัวสุนัข เพราะการตรวจพบเชื้อพิษสุนัขบ้าในหัวสุนัขถือเป็นเรื่องปกติในเมืองใหญ่ที่ยังไม่ปลอดโรคพิษสุนัขบ้า และไม่สามารถนำมาใช้เป็นดัชนีชี้วัดสถานการณ์แพร่ระบาดโรคพิษสุนัขบ้าในพื้นที่ได้ สิ่งที่สะท้อนถึงการแพร่เชื้อโรคพิษสุนัขบ้าอยู่ในระดับวิกฤติจะต้องดูตัวเลขผู้เสียชีวิตเท่านั้น จากสถิติสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าใน กทม. พบว่ามีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง คือเมื่อปี 2552 มีผู้เสียชีวิต 7 ราย ช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน 2553 มีผู้เสียชีวิต 6 ราย แต่หลังจากเดือนมิถุนายน 2553-มกราคม 2555 พบผู้เสียชีวิตเพียงรายเดียวเมื่อช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมปลายปี 2554 ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีในกวาดล้างและป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าใน กทม.
พญ.มาลินีกล่าวว่า ขอแจ้งให้พี่น้องชาวกรุงเทพฯ และประชาชนผู้อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตต่าง ๆ ที่ตรวจพบเชื้อพิษสุนัขบ้าในหัวสุนัข ไม่ต้องกังวลใจหรือตื่นกลัวเรื่องนี้ ขอยืนยันได้ว่า กทม.สามารถควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดโรคพิษสุนัขบ้าได้แล้ว โดยตั้งเป้าว่าจะต้องกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าให้หมดไปตามเป้าหมายขององค์การอนามัยโลก จะต้องไม่มีผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าภายในปี 2563 โดยในปี 2553-2554 กทม.ได้รณรงค์เข้มข้นมาตลอด ทั้งการจัดหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทั้ง 50 เขต ปีละ 2 ครั้ง และคุมกำเนิดสุนัขทั้งที่มีเจ้าของและสุนัขเร่ร่อนจรจัด
"ผลสำรวจสุนัขในกรุงเทพฯ พบว่า มีสุนัขที่มีเจ้าของประมาณ 590,000 ตัว และสุนัขเร่ร่อนกว่า 100,000 ตัว อาศัยอยู่ในพื้นที่สาธารณะ ริมถนนและวัดกว่า 400 แห่งในเขตกรุงเทพฯ ที่ผ่านมาได้เร่งทำหมันสุนัขจรจัดและนำไปเลี้ยงดูที่ศูนย์พักพิงสุนัขทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี" รองผู้ว่าฯ กทม. ดูแลด้านสุขาภิบาล กล่าว
พญ.มาลินีกล่าวถึงการรายงานสถานการณ์แพร่ระบาดโรคพิษสุนัขบ้าในกรุงเทพฯ จากผลการตรวจพบเชื้อพิษสุนัขบ้าในหัวสุนัขว่า เป็นการให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน มองเพียงมุมเดียวจากการใช้วิธีสุ่มตรวจ ซึ่งในความจริงหน่วยงานภาครัฐควรจะต้องดูตัวเลขผู้เสียชีวิต ไม่ควรใช้วิธีบอกตัวเลขพบเชื้อในหัวสุนัขว่าพบเท่าไหร่ เพราะเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องเจอเชื้อโรคแบบประปราย หากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วถือว่าน้อยมาก
"แม้ข้อมูลตรวจพบเชื้อพิษสุนัขบ้าจะมีอยู่จริง แต่มิได้หมายความว่าในพื้นที่ดังกล่าวที่สุนัขอาศัยอยู่มีการแพร่ระบาดโรคพิษสุนัขบ้าตามไปด้วย ทั้งนี้ หากนำหัวสุนัขทั่วประเทศไปตรวจหาเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าก็จะต้องเจอเชื้อโรคทุกจังหวัด แต่สุดท้ายแล้วต้องดูว่าในพื้นที่นั้นๆ มีคนเสียชีวิตเท่าไหร่ ซึ่งจะสะท้อนสถานการณ์แพร่ระบาดโรคได้อย่างชัดเจน" รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าว
พญ.มาลินีกล่าวเพิ่มเติมว่า การตัดหัวสุนัขมาตรวจหาเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าในพื้นที่ กทม.พบว่า เมื่อปี 2553 พบจำนวน 106 หัว ปี 2554 พบ 89 หัว และเดือนมกราคม 2555 พบจำนวน 8 หัว จากนั้นจะดำเนินการโดยส่งทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข กทม.ลงไปกระชับพื้นที่และฉีดวัคซีนให้ทั้งคนและสุนัขที่เคยโดนสุนัขกัด จึงขอให้พี่น้องประชาชนไม่ต้องกังวลใจ
ทั้งนี้ นายพรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า ได้ตรวจสอบรายงานการตรวจหาเชื้อพิษสุนัขบ้าในหัวสุนัขที่ส่งตรวจที่สถานเสาวภา ระหว่างวันที่ 4-23 มกราคม 2555 พบว่าหัวสุนัขจำนวน 6 หัวที่ส่งตรวจมีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งเป็นสุนัขที่ถูกส่งมาจากหลายพื้นที่ในเขต กทม.ได้แก่ แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา และแขวงทับยาว เขตลาดกระบัง ซอยลาซาล 52 เขตบางนา แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง และแขวงบางมด เขตทุ่งครุ
"โรคพิษสุนัขบ้ามีระยะฟักตัวในคนตั้งแต่ 7 วันถึง 2 ปีครึ่ง มากกว่าระยะฟักตัวในสัตว์ และที่น่าห่วงคือ โรคพิษสุนัขบ้าอาจจะระบาดหรือเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากภายหลังเกิดเหตุการณ์อุทกภัยพบว่ามีสุนัขพลัดหลง เนื่องจากเจ้าของไม่สามารถนำออกมาจากบ้านที่ถูกน้ำท่วมได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าจำนวนสุนัขจรจัดได้เพิ่มมากขึ้นด้วย จึงควรระวังในการเก็บสุนัขมาเลี้ยง เพราะสุนัขอาจจะไปรับเชื้อจากสุนัขที่มีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าและมีเชื้ออยู่ในน้ำลายได้" นพ.พรเทพกล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
