มูลนิธิวอชด็อก และทนายเดชา พร้อมเจ้าของ จูงแม่เตี้ย มช. ห้อยป้าย ฆ่าลูกฉันทำไม ขึ้นโรงพัก ร้องทุกข์เอาผิดผู้ต้องสงสัยทำพี่เตี้ยตาย
![เจ้าของ จูงแม่ เตี้ย มช. ขึ้นโรงพัก จ่อเอาผิดผู้ต้องสงสัย ห้อยป้ายจี้ใจ ฆ่าลูกฉันทำไม]( "เจ้าของ จูงแม่ เตี้ย มช. ขึ้นโรงพัก จ่อเอาผิดผู้ต้องสงสัย ห้อยป้ายจี้ใจ ฆ่าลูกฉันทำไม")
![เจ้าของ จูงแม่ เตี้ย มช. ขึ้นโรงพัก จ่อเอาผิดผู้ต้องสงสัย ห้อยป้ายจี้ใจ ฆ่าลูกฉันทำไม]( "เจ้าของ จูงแม่ เตี้ย มช. ขึ้นโรงพัก จ่อเอาผิดผู้ต้องสงสัย ห้อยป้ายจี้ใจ ฆ่าลูกฉันทำไม")
![เจ้าของ จูงแม่ เตี้ย มช. ขึ้นโรงพัก จ่อเอาผิดผู้ต้องสงสัย ห้อยป้ายจี้ใจ ฆ่าลูกฉันทำไม]( "เจ้าของ จูงแม่ เตี้ย มช. ขึ้นโรงพัก จ่อเอาผิดผู้ต้องสงสัย ห้อยป้ายจี้ใจ ฆ่าลูกฉันทำไม")
![เจ้าของ จูงแม่ เตี้ย มช. ขึ้นโรงพัก จ่อเอาผิดผู้ต้องสงสัย ห้อยป้ายจี้ใจ ฆ่าลูกฉันทำไม]( "เจ้าของ จูงแม่ เตี้ย มช. ขึ้นโรงพัก จ่อเอาผิดผู้ต้องสงสัย ห้อยป้ายจี้ใจ ฆ่าลูกฉันทำไม")
![เจ้าของ จูงแม่ เตี้ย มช. ขึ้นโรงพัก จ่อเอาผิดผู้ต้องสงสัย ห้อยป้ายจี้ใจ ฆ่าลูกฉันทำไม]( "เจ้าของ จูงแม่ เตี้ย มช. ขึ้นโรงพัก จ่อเอาผิดผู้ต้องสงสัย ห้อยป้ายจี้ใจ ฆ่าลูกฉันทำไม")
หลังจากที่ มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ เผยความคืบหน้าคดี เตี้ย มช. จากผลการสืบสวนกล้องวงจรปิด พบว่ามีคนร้ายพาเตี้ยขึ้นรถไป จึงคาดว่าคนร้ายน่าจะทุบหัวเตี้ย ก่อนถีบลงรถที่จุดเกิดเหตุ และทำร้ายอย่างทรมาน ด้วยการขี่รถทับ และคาดว่ายิงซ้ำถึง 6 นัด ซึ่งทางมูลนิธิยืนยันว่าจะติดตามเรื่องราวให้ถึงที่สุด และนำคนร้ายมารับโทษตามกฎหมายให้ได้นั้น
ล่าสุด (23 พฤษภาคม 2563) สปริงนิวส์ รายงานว่า พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีการตายของ เตี้ย มช. ระบุว่า วันนี้ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา และผู้แทนจากกลุ่มองค์กรด้านพิทักษ์สุนัขและสัตว์ WATCHDOG THAILAND พร้อมกลุ่มดาราผู้รักสุนัข ได้นำตัว นายสมศักดิ์ อายุ 71 ปี ซึ่งแสดงตัวเป็นเจ้าของสุนัข เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษต่อผู้ต้องสงสัย ในข้อหาทารุณกรรมสัตว์และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยนำสุนัข หรือ เตี้ย มช. ออกไปจากพื้นที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าตำรวจได้รับคดีนี้ไว้แล้ว และได้ทำการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรวมรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ และสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอย่างละเอียด เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พันตำรวจเอก กฤษณะ กล่าวอีกว่า หลังจากรวบรวมพยานหลักฐานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การพิจารณาตั้งข้อหาผู้ต้องสงสัยนั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวน โดยจะพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามพยานหลักฐานประกอบกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งคลี่คลายข้อสงสัยให้สิ้นกระแสความในทุกประเด็น ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด และจะดำเนินการด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ขอบคุณข้อมูลจาก สปริงนิวส์
