แมวหายจากบ้านไป 14 เดือน เจ้าของสุดเศร้า หาที่ไหนก็ไม่เจอ ที่ไหนได้แอบไปอยู่โรงงานอาหารแมวแถวบ้าน ขโมยกินอาหารทุกวัน จนกลายเป็นแมวอ้วน โรงงานเผย ต้องวางแผนยกใหญ่ กว่าจะล่อจับได้
โจนาธานและทันยาโศกเศร้าอย่างมาก พวกเขากังวลไปหมดทุกอย่าง ทั้งกลัวว่าอาจจะมีคนจับไคลฟ์ไป กลัวว่ามันจะโดนหมากัด รถชน หรือได้รับอันตรายอย่างอื่น เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ไคลฟ์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะปรากฏตัว ไม่มีใครรู้ว่ามันหายไป หรือมีชะตากรรมอย่างไร แต่แล้วในวันหนึ่ง ครอบครัวก็ได้รู้ข่าวไคลฟ์อีกครั้ง สิ่งที่ทำให้ทุกคนช็อกก็คือ มันไม่ได้หายไปไหนไกลเลย และตลอดเวลาที่หายไป มันมีความสุขมาก ๆ อย่างเห็นได้ชัด แถมอ้วนขึ้นอีกหลายกิโล
แต่แท้จริงแล้ว
ไคลฟ์ไม่ได้หนีไปไหนไกลเลย โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2559
พนักงานประจำโรงงานผลิตอาหารสัตว์เคนเนลเกต สาขาเมืองเบอร์มิงแฮม
ประเทศอังกฤษ พบว่าอาหารแมวส่วนหนึ่งได้หายไปอย่างปริศนาเป็นประจำ
กล่องบรรจุอาหารแมวหลายกล่องมีร่องรอยถูกกัดแทะ และพบอุจจาระแมวหลายจุด
พวกเขาเฝ้ารอดูจนพบว่าหัวขโมยคือแมวตัวหนึ่ง
โคลินกับไดแอนน์
และทีมพนักงาน จึงประชุมหารือกัน เพื่อหาทางจับขโมยแสบตัวนี้
จนได้ไอเดียว่าจะวางกับดักจับมัน
โดยพวกเขาไปขอกรงขนาดย่อมมาจากหน่วยงานช่วยเหลือสัตว์ท้องถิ่น
จัดการวางกรงเอาไว้ในโกดัง วางอาหารล่อแมวเอาไว้ด้านใน
เมื่อแมวหลงกลเข้ามาติดกับ น้ำหนักแมวก็จะทำให้ประตูกรงปิด ในเช้าวันต่อมา
ไดแอนน์เข้ามาตรวจสอบกับดักและพบว่ามันได้ผล
โจรลักอาหารแมวนอนส่งเสียงร้องเหมียว และขู่ฟ่ออยู่ในกรงเพราะออกไปไม่ได้
แต่ก็ทำหน้าเศร้ายอมรับชะตากรรมว่าตัวเองถูกจับได้แล้ว
และหัวขโมยนี้ไม่ใช่แมวที่ไหน เป็นเจ้าไคลฟ์นั่นเอง
เมื่อพวกเขาติดต่อไปแจ้งว่าพบไคลฟ์
ทันยาและโจนาธานช็อกมาก และแทบไม่อยากเชื่อว่ามันคือเรื่องจริง
พวกเขารีบเดินทางมายังคลินิกเพื่อมารับตัวแมวสุดรักที่หายไปจากบ้านร่วม 14
เดือน และเมื่อเห็นหน้ามันอีกครั้ง ทุกคนก็ต้องอึ้ง เพราะเจ้าเหมียวน้อย ๆ
ตัวนั้นกลายแมวยักษ์อ้วนตุ๊ต๊ะ มีขนาดลำตัวใหญ่กว่าเดิมถึง 2 เท่า
อันเป็นผลมาจากการใช้ชีวิตอย่างหรูหราสุขสบาย
กินดีอยู่ดีอยู่ในโรงงานอาหารแมว
"ตอนที่ไคลฟ์หายไปจากบ้าน มันยังเป็นเหมียวน้อยอายุแค่ 9 เดือนเองค่ะ ตอนเราเจอมันอีกครั้ง ทุกคนช็อกมาก เพราะมันตัวใหญ่มาก อ้วนกว่าเดิมแบบแทบจำไม่ได้ ตอนแรกเนื้อตัวงี้เหม็นเชียว แต่ตอนนี้กลับมาหล่อและหอมฟุ้งแล้ว ไคลฟ์จำพวกเราได้ทันทีค่ะ มันไม่เคยลืมเราเลย ทุกอย่างเหมือนเดิม เพิ่มเติมแค่ความอ้วนของมัน ก่อนหน้านี้เจ้าแมวแสบไม่ค่อยกินเก่งค่ะ แต่กินไว เพราะกลัวว่าพี่ ๆ ของมันจะแย่งอาหาร" ทันยา กล่าว
ทันยาเปิดเผยอีกว่า หลังจากที่ไคลฟ์ไปใช้ชีวิตเป็นราชาแมวในสวรรค์ที่เต็มไปด้วยอาหารแมวมาแล้ว มันก็กลายเป็นยอดเหมียวกินจุ เวลาจะให้อาหารมันแต่ละครั้ง เธอต้องจัดให้แบบชามใหญ่ มาแบบกะละมัง และมันก็กินไม่หยุดทั้งวันอีกด้วย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Tanya Louise Irons
ไคลฟ์ (Clive) คือแมวพันธ์ุนอร์วีเจียน ฟอเรสต์ เพศผู้ วัย 9 เดือน
ที่อาศัยอยู่กับครอบครัวเจ้านายในประเทศอังกฤษ
มันเป็นแมวที่น่ารักน่าเอ็นดู แต่ก็แสบใช่ย่อย
และมีนิสัยหลายอย่างที่ทำให้เจ้าของต้องปวดหัวอยู่เสมอ
หนึ่งในนั้นคือการชอบออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้านเป็นประจำ
แต่ก็กลับเข้าบ้านตามปกติอยู่ทุกครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่งในเดือนธันวาคม
2557 หรือเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ไคลฟ์ออกไปนอกบ้านเหมือนกับทุก ๆ วัน ตอนแรก
โจนาธาน และ ทันยา ไอรอนส์ สามีภรรยาผู้เป็นเจ้าของ ไม่ได้คิดอะไรมาก
เพราะเป็นนิสัยปกติของไคลฟ์ แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนมืดค่ำ
ไคลฟ์ก็ยังคงไม่กลับบ้านเสียที
โจนาธานและทันยาโศกเศร้าอย่างมาก พวกเขากังวลไปหมดทุกอย่าง ทั้งกลัวว่าอาจจะมีคนจับไคลฟ์ไป กลัวว่ามันจะโดนหมากัด รถชน หรือได้รับอันตรายอย่างอื่น เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ไคลฟ์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะปรากฏตัว ไม่มีใครรู้ว่ามันหายไป หรือมีชะตากรรมอย่างไร แต่แล้วในวันหนึ่ง ครอบครัวก็ได้รู้ข่าวไคลฟ์อีกครั้ง สิ่งที่ทำให้ทุกคนช็อกก็คือ มันไม่ได้หายไปไหนไกลเลย และตลอดเวลาที่หายไป มันมีความสุขมาก ๆ อย่างเห็นได้ชัด แถมอ้วนขึ้นอีกหลายกิโล
เรื่องราวน่ารักชวนยิ้มของเจ้าเหมียวจอมแสบตัวนี้
ถูกหยิบยกมารายงานโดยเว็บไซต์บอร์แพนด้า เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2561 โดยหลังจากที่ไคลฟ์หายไปจากบ้าน
โจนาธานและทันยาได้ติดโปสเตอร์ประกาศตามหามันทั่วชุมชนใกล้เคียง
รวมทั้งประกาศตามหาผ่านทางเฟซบุ๊ก ทันยาเปิดเผยอย่างเจ็บปวดว่า
เจ้าเหมียวตัวแสบของเธอรักการผจญภัยมาก เธอกลัวว่าจะมีใครมาเอาตัวมันไป
เพราะมันน่ารัก และทุกคนก็รักมัน เวลาผ่านไปเป็นเดือน หลายเดือน
จนผ่านไปเป็นปี ความหวังในการตามหาไคลฟ์ก็เริ่มริบหรี่ลงทุกที
โจนาธานและทันยาก็ได้แต่ทำใจ เพราะพวกเขาอาจไม่ได้พบเจอเจ้าไคลฟ์อีกแล้ว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Tanya Louise Irons
ไดแอนน์ กัสคิล
หัวหน้าควบคุมฝ่ายสายการผลิต เปิดเผยว่า
เธอและทีมพนักงานพยายามจับมันอยู่หลายสัปดาห์แต่ก็ไม่สำเร็จ
แมวแสบตัวนี้ถึงขั้นวิ่งผ่านไปผ่านมา และทิ้งอาหารแมวเป็นทาง
ราวกับต้องการเย้ยพนักงานว่า "จับให้ได้สิ ถ้าพวกเจ้าแน่จริง" ทางด้านโคลิน
ลูอิส ผู้อำนวยการฝ่ายขาย กล่าวว่า การจับขโมยไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เพราะโกดังเก็บอาหารแมวมีขนาดใหญ่ เกือบ 1,900 ตารางเมตร
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Tanya Louise Irons
ไดแอนน์และโคลินพาหัวขโมยตัวนี้ไปส่งที่คลินิกสัตว์
เพื่อให้สัตวแพทย์ลงโทษ เอ๊ย ตรวจร่างกาย
โดยสัตวแพทย์พบว่าบนตัวเหมียวตัวนี้มีไมโครชิปฝังเอาไว้
รายละเอียดด้านในระบุชื่อของมัน รวมทั้งข้อมูลของเจ้าของ
ซึ่งก็คือครอบครัวไอรอนส์ ผู้อาศัยอยู่ห่างจากโรงงานอาหารแมวไปแค่ประมาณ
3.2 กิโลเมตร เท่านั้น
"ตอนที่ไคลฟ์หายไปจากบ้าน มันยังเป็นเหมียวน้อยอายุแค่ 9 เดือนเองค่ะ ตอนเราเจอมันอีกครั้ง ทุกคนช็อกมาก เพราะมันตัวใหญ่มาก อ้วนกว่าเดิมแบบแทบจำไม่ได้ ตอนแรกเนื้อตัวงี้เหม็นเชียว แต่ตอนนี้กลับมาหล่อและหอมฟุ้งแล้ว ไคลฟ์จำพวกเราได้ทันทีค่ะ มันไม่เคยลืมเราเลย ทุกอย่างเหมือนเดิม เพิ่มเติมแค่ความอ้วนของมัน ก่อนหน้านี้เจ้าแมวแสบไม่ค่อยกินเก่งค่ะ แต่กินไว เพราะกลัวว่าพี่ ๆ ของมันจะแย่งอาหาร" ทันยา กล่าว
ทันยาเปิดเผยอีกว่า หลังจากที่ไคลฟ์ไปใช้ชีวิตเป็นราชาแมวในสวรรค์ที่เต็มไปด้วยอาหารแมวมาแล้ว มันก็กลายเป็นยอดเหมียวกินจุ เวลาจะให้อาหารมันแต่ละครั้ง เธอต้องจัดให้แบบชามใหญ่ มาแบบกะละมัง และมันก็กินไม่หยุดทั้งวันอีกด้วย
ส่วนเรื่องจับแมวไดเอตนั้นไว้ค่อยว่ากันทีหลัง
เพราะตอนนี้ทันยาคงต้องปล่อยไคลฟ์กินแบบให้เต็มที่ไปก่อน
เป็นการรับขวัญกลับบ้าน ดังนั้นกินเข้าไปเลยลูก
ตอนนี้คงเรียกว่าแมวไม่ได้แล้วล่ะ
คงต้องเรียกว่าเป็นก้อนขนนุ่มนิ่มสุดแฮปปี้ เพราะทั้งอ้วน ทั้งขี้เกียจ
หวังว่าต่อไปนี้คงไม่หนีออกไปผจญภัยในโรงงานอาหารแมวอีกแล้วนะ
เพราะมนุษย์คิดถึงม้ากกมาก อย่าทิ้งกันอีกเลยยยยย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Tanya Louise Irons