บุปผาบำบัด ศาสตร์ทางเลือกเสริมสำหรับสัตว์เลี้ยง

บุปผาบำบัด ศาลสตร์ทางเลือกเสริมสำหรับสัตว์เลี้ยง (Dogazine)

          บุปผาบำบัด หรือการบำบัดโรคด้วยดอกไม้ ก่อกำเนิดอย่างเป็นทางการและถูกพัฒนาขึ้นมาโดย Dr.Edward Bach แพทย์ชาวอังกฤษสาขา Homeopathy Medicine Bowel Nosodes (การพัฒนาวิธีการรักษาที่ใช้ผลิตผลของโรคเป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับลำไส้) ในสมัยเป็นนักเรียน ท่านสนใจงานด้านการแพทย์เป็นอย่างมาก Dr.Edward เข้าศึกษาในคณะแพทยศาสตร์ ณ The University College Hospitals, London และได้เป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลแห่งนั้นหลังสำเร็จการศึกษา

          คุณหมอ Dr.Edward เคยอุทิศตัวเองเปิดห้องรับปรึกษาให้กับผู้มีปัญหาด้านสุขภาพที่ Harley Street  ต่อมาท่านได้ศึกษาเพิ่มเติดสู่การเป็น Bacteriologist (นักแบคทีเรียวิทยา) และผันตัวเองมาเป็น Pathologist (นักพยาธิวิทยา) ในที่สุด ก่อนมาทำงานด้านวัคซีน

          ในปี 1930 ท่านเริ่มสนใจงานด้าน Homeopathy อื่น ๆ และหนึ่งในนั้นคือ การบำบัดโรคทางด้านอารมณ์ ท่านศึกษาเรื่องของกลิ่นบำบัด และได้นำดอกไม้มาใช้จนกลายเป็นที่มาของ "Bach Flower Remedies: บุปผาบำบัด" ในปัจจุบัน

          ทั้งนี้ ในระยะเริ่มแรก ท่านค้นพบดอกไม้แค่เพียง 12 ชนิด ได้แก่ Agrimony, Centaury, Cerato, Chicory, Clematis, Gentian, Impatiens, Mimulus, Rock Rose, Scleranthus, Vervain และ Water Violet หลังจากนั้นในปี 1933 ท่านก็ค้นพบดอกไม้เพิ่มขึ้นมาอีก 7 ชนิด และในปี 1934 ท่านก็หามาได้อีก 19 ชนิด เป็นการปิดฉากซีรีย์บุปผาบำบัดอันแสนอลังการด้วยจำนวนสารถึง 38 ชนิด ณ Oxfordshire ก่อนที่ท่านจะจบชีวิตลงในปี 1936 ด้วยวัยเพียง 50 ปี

บุปผาบำบัดทำงานอย่างไร

          มนุษย์และสัตว์มีประสาทสัมผัสได้ 5 ช่องทาง คือ ทางตา หู จมูก ลิ้น และกาย ก่อนที่จะส่งผ่านไปทางจิตใจ (สมอง) ซึ่ง 1 ใน 5 สัมผัส ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คือส่วนประสาทสัมผัสทางจมูก พบว่า กลิ่นจัดเป็นสิ่งกระตุ้นที่มีบทบาทสำคัญต่อจิตใจเป็นอย่างยิ่ง

          ยกตัวอย่างกันง่าย ๆ ในคน เช่น เรื่องของอาหาร อาหารที่ว่าอร่อยหรือไม่อร่อย นอกจากรสชาติแล้ว กลิ่นยังเป็นตัวช่วยกระตุ้นความหิวและความอร่อยได้เป็นอย่างดี กลิ่นธุปหรือกำยานช่วยให้จิตใจรู้สึกสงบ กลิ่นตัวหรือกลิ่นฟีโรโมนจากเพศตรงข้าม(หรือเพศเดียวกัน) จะช่วยทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเขาหรือเธอคนนั้นช่างมีเสน่ห์ มีความน่าสนใจ และมีอะไรให้น่าค้นหา โดยที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่า มันคืออะไร…ที่เป็นเช่นนนี้ก็เพราะร่างกายของเรามีเซลล์ประสาทที่ทำหน้าที่รับกลิ่นเหมือน ๆ กัน แต่ความพึงพอใจในกลิ่นของแต่ละคนนั้นจะแตกต่างกันไป

          เมื่อแนวคิดเรื่องกลิ่นสามารถอธิบายถึงผลต่อจิตใจในมนุษย์ได้ ในสัตว์โดยเฉพาะสุนัขจึงไม่ค่อยมีความแตกต่าง และบางทีก็ดูเหมือนว่าจะได้ผลมากกว่าในมนุษย์ด้วยซ้ำ เนื่องจากสุนัขมีจำนวนเซลล์ประสาทรับกลิ่นมากกว่ามนุษย์หลายเท่า การรับกลิ่นของสุนัขจึงมีความแม่นยำสูงมาก

          คุณหมอ Dr.Edward ท่านมีความเชื่อว่า "อารมณ์และจิตใจแบบเชิงลบมีผลต่อการเจ็บป่วยทางกายได้ หากเราสามารถปรับอารมณ์และจิตใจให้กลับมาสมดุล การเจ็บป่วยทางกายก็จะหายไป" ...ท่านจึงค้นคว้า เสาะหาเหล่าดอกไม้มากมายเพื่อนำมาบำบัดโรคทางอารมณ์ โดยใช้เรื่องของกลิ่น  ส่วนการเตรียมสารสกัดจากดอกไม้แต่ละชนิดก็ไม่เหมือนกัน บางตัวต้องกลั่นภายใต้แสงอาทิตย์ และบางตัวก็ต้องเจือจางอย่างสูงจึงจะได้มา และเมื่อนำมาใช้จริงก็พบว่า ดอกไม้แต่ละชนิดต่างก็มีผลต่อจิตใจที่ไม่เหมือนกัน และก็ไม่ใช่ทุกดอกที่จะมีปฏิกิริยาต่อจิตใจและอารมณ์ในเชิงบวก

          ในขณะที่การทดลองกำลังดำเนินไป มนุษย์เองไม่ใช่สิ่งทดลองเพียงสปีชีส์เดียวเท่านั้น แม้แต่สัตว์ก็ถูกนำมาทดลองด้วย อันได้แก่ สุนัข แมว และม้า และเมื่องานทดลองได้สำเร็จลุล่วง เหล่าสัตว์ทั้งหลายจึงพลอยได้รับอานิสงส์ไปด้วย

          Bach Flower อาจมีมากถึง 38 ชนิด แต่จุดประสงค์หลัก ๆ แล้ว ก็เพื่อใช้แก้ไขอารมณ์ในเชิงลบ 7 ชนิด ให้กลับมาเป็นเชิงบวก ดังนี้

          อารมณ์เชิงลบ :

          ความกลัว, ความไม่มั่นใจ, ความเหงาโดดเดี่ยว, ความท้อแท้หรือสิ้นหวัง, ไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว, ไวต่อสิ่งเร้าและความคิดมากเป็นพิเศษ และการใส่ใจต่อสวัสดิภาพของคนอื่น หรือสิ่งอื่นมากเกินไป

          อารมณ์เชิงบวก :

          ความสงบ, ความเชื่อมั่น, ความสนุกสนาน, ความศรัทธา, ความหวัง, ความรัก, และความรอบคอบ

          ถึงตอนนี้ หลายคนก็คงเกิดความสงสัยที่ว่า หลังจากใช้สารสกัดเหล่านี้แล้ว การวัดผลที่ได้ในมนุษย์ก็คงไม่ยาก แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า สัตว์เหล่านั้นรู้สึกอย่างไร...ตำราได้บอกไว้ว่า "ควรเป็นนักพฤติกรรมสัตว์ที่เป็นคนบอก" แต่หากคุณเป็นคนเลี้ยงสัตว์ ไม่ใช่เพียงอยู่กับสัตว์ คุณก็จะเป็นคนรู้เอง!!!




ขอขอบคุณข้อมูลจาก